แซ็ค สไนเดอร์ ผู้กำกับมากฝีมือ ได้ทิ้งผลงานสุดท้ายกับค่าย วอร์เนอร์ บราเธอร์ส คือ Zack Snyder’s Justice League ที่ดูเหมือนว่ากระแสตอบรับของภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ออกฉายทางแพลตฟอร์มออนไลน์จะดีอย่างมาก และได้รับการชื่นชมมากกว่าJustice League ภาคหลักที่ฉายในโรงภาพยนต์เมื่อปี 2017 ถึงแม้ว่า Justice League เวอร์ชันของ แซ็ค สไนเดอร์ จะยาวถึง 4 ชั่วโมงเต็มและฉายแบบไม่มีพักเบรกก็ตาม
ล่าสุด สไนเดอร์ ได้เปิดเผยถึง วอร์เนอร์ฯ โดยระบุว่าค่ายหนังยักษ์ใหญ่ไม่ชอบภาพยนตร์ Batman v Superman เวอร์ชันที่เขากำกับ นั่นจึงทำให้แฟนหนังคาดกันว่า บางทีเรื่องนี้อาจจะเป็นรอยร้าวที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถร่วมงานกันได้อีกก็เป็นได้
สไนเดอร์ ได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร SFX ว่า “ ผมรู้สึกได้เลยว่าทาง วอร์เนอร์ฯ เกลียดหนัง Batman v Superman พอสมควร โดยก่อนหน้านั้นมีแรงกดดันให้ผมตัดขาดจากโปรเจกต์ Batman v Superman ซึ่งผมไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนั้น เพราะผมก็ไม่ได้ที่จะเตรียมใจมาเพื่อเรื่องราวลักษณะนี้ พูดตามตรงเลยผมตั้งใจจะสร้างหนังเรื่องนี้ให้เป็นไตรภาค ฉะนั้นจึงต้องเป็นเรื่องราวที่ต่อเนื่องกันให้ได้ ”
“ เดิมทีทางค่าย วอร์เนอร์ฯ ไม่ได้อยากให้ผมใส่ฉากแบทแมนพบโจ๊กเกอร์เข้าไปในหนัง Zack Snyder’s Justice League ผมเลยวางแผนแอบถ่ายมันในสวนหลังบ้านของผม แต่โชคดีที่ทางค่ายเปลี่ยนใจภายหลัง และให้งบผมจึงสามารถถ่ายทำในสตูดิโอได้ ”
“ ผมบอกพวกเขาว่า ผมต้องการมันมาก ๆ แต่ วอร์เนอร์ฯ บอกว่าพวกเขาไม่ต้องการฉากนี้ ผมเลยพยายามอธิบายพวกเขาฟังว่า แบทแมนกับโจ๊กเกอร์มีความสัมพันธ์ต่อกันและกัน ดังนั้นถ้าผมจะไม่ได้ทำหนังของ DC อีกแล้ว นี่คือสิ่งที่ผมอยากทำก่อนจากไป และผมตั้งใจจะทำมันให้ได้แม้จะต้องถ่ายทำในสวนหลังบ้านก็ตาม และสุดท้าย วอร์เนอร์ฯ ก็ใจอ่อนยอมรับข้อเสนอของผม ”
