เคยไหม? รู้สึกปวดไหล่เรื้อรัง ยกของก็ลำบาก หวีผมก็เจ็บ อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเตือนของเอ็นไหล่ฉีก ซึ่งเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ และผู้ที่ต้องใช้งานไหล่หนัก ๆ บทความนี้จะพาทุกท่านไปรู้จักกับโรคเอ็นไหล่ฉีกให้ชัด เพื่อให้เข้าใจถึงสาเหตุ อาการ และวิธีรักษา รวมไปถึงวิธีป้องกัน เพื่อให้ห่างไกลจากปัญหาปวดไหล่เรื้อรัง
เอ็นไหล่ฉีก คืออะไร มีอาการอย่างไร
เอ็นไหล่ (Rotator Cuff) เปรียบเสมือนผ้าห่มที่ห่อหุ้มข้อไหล่ ทำหน้าที่ยึดกระดูกต้นแขนให้เข้ากับกระดูกไหปลาร้า ช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณไหล่ขยับและเคลื่อนไหวได้อย่างราบรื่นและคล่องแคล่ว เมื่อเอ็นไหล่เกิดการฉีกขาดจึงส่งผลต่อการใช้งานไหล่ และอาจนำไปสู่ปัญหาอื่น ๆ โดยมีอาการ ดังนี้
- ปวดไหล่เรื้อรัง โดยเฉพาะเวลานอนตะแคง
- ปวดไหล่ตอนยกของ หรือใช้แขนเหนือศีรษะ
- รู้สึกอ่อนแรง ยกของหนักไม่ไหว
- เสียงดังคลิกในข้อไหล่เวลาขยับ
- ขยับไหล่ได้ไม่เต็มที่
อาการเอ็นไหล่ฉีกสามารถรักษาได้อย่างไร
- การรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์แผนปัจจุบัน
- ยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ และยาลดการอักเสบ ช่วยบรรเทาอาการปวดและอักเสบในระยะแรก
- การนวดกายภาพบำบัด เพื่อลดอาการชา ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนแรง
- การฉีดสเตียรอยด์ และสารอื่นๆ ลงบริเวณบาดเจ็บ เพื่อลดการบวม อักเสบ
- การผ่าตัดซ่อมแซมเอ็นที่ฉีกขาด อาจจำเป็นต้องทำในกรณีฉีกหนัก โดยต้องใช้เทคนิคการผ่าตัดแบบพิเศษ
- การรักษาด้วยวิธีธรรมชาติและการแพทย์ทางเลือก
- การประคบความเย็นหรือร้อน เพื่อลดอาการบวม ปวด
- การนวดแผนโบราณ เช่น นวดแผนไทย เพื่อปรับสมดุลร่างกายและลดอาการชา
- การออกกำลังกายแบบผ่อนคลาย เช่นโยคะ ไท้จี๋ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและยืดหยุ่น
- การใช้สมุนไพรบางชนิด เช่น บัวบก สมุนไพรแก้อักเสบ ลดปวด
- การใช้เวชภัณฑ์นวดจากธรรมชาติ เช่นน้ำมันงาดำ มีส่วนช่วยบรรเทาอาการ
รู้เท่าทัน! ป้องกันเอ็นไหล่ฉีก
การป้องกันดีกว่าการรักษา สำหรับเอ็นไหล่นั้นมีวิธีป้องกันที่สำคัญดังนี้
- ออกกำลังกายอย่างถูกวิธี เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและความแข็งแรงของข้อต่อ
- หลีกเลี่ยงท่าทางการเคลื่อนไหวที่ผิดวิธีหรือเร่งรัดมากเกินไป
- ทำท่าบริหารยืดเหยียดกล้ามเนื้อและเอ็นประจำ
- หลีกเลี่ยงการงอข้อมือหรือแขนในท่าประหลาดหรือทำงานหนัก
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาสมรรถภาพกล้ามเนื้อให้แข็งแรง
- หากมีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนออกกำลังกาย
ปัญหาเอ็นไหล่ฉีกนับเป็นหนึ่งในอาการที่รุนแรงของการบาดเจ็บบริเวณไหล่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวัน โดยมีทั้งวิธีการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์ทางเลือกที่ให้ผลดีในระดับหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญคือการป้องกันไม่ให้เกิดอาการนี้ โดยออกกำลังกายและปฏิบัติตนด้วยวิธีที่ถูกต้อง หลีกเลี่ยงท่าทางหรือกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บ ตลอดจนรักษาสมรรถภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ