จากการที่ตำรวจได้ใช้น้ำผสมแก๊สน้ำตาเข้าสกัดผู้ร่วมชุมนุมที่แยกเกียกกาย ทำให้ผู้ร่วมชุมนุมบางคนได้รับบาดเจ็บ เกิดรอยแผล ผุพองขึ้นที่ผิวหนัง เนื่องจากน้ำผสมแก๊สน้ำตาที่ตำรวจฉีดใส่
ล่าสุด รศ.ดร. วีรชัย พุทธวงศ์ หรืออาจารย์อ๊อด ได้นำน้ำผสมแก๊สน้ำตาที่เก็บได้จากการปะทะที่แยกเกียกกายมาตรวจวิเคราะห์ ด้วยเทคนิค gc-ms (Gas chromatography–mass spectrometry (GC-MS)) พบสารสำคัญ 5 ตัว คือ
(1) Dimethyl sulfoxide, DMSO (ไดเมททิล ซัลฟอกไซด์) เป็นสารประกอบอินทรีย์ซัลไฟด์ นิยมใช้เป็นตัวทำละลายและใช้เป็นสารทำความสะอาดส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองถ้าได้รับในปริมาณมาก
(2) 2-Chlorobenzaldehyde (2-คลอโรเบนซัลดีไฮด์) ข้อควรระวังคือทำให้ผิวหนังไหม้อย่างรุนแรงและทำลายดวงตา
(3) 2-Chlorobenzyl alcohol (2-คลอโรเบนซิลแอลกอฮอล์) มีลักษณะเป็นผงสีขาว โดยสารตัวนี้ก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ทั้งต่อดวงตา ผิวหนัง แม้แต่การสูดดมเข้าไป
(4) 2-chlorobenzalmalononitrile (2-คลอโรเบนซัลมาโลโนไนไตร) หรือ o-Chlorobenzylmalononitrile (CS gas) 2-chlorobenzalmalononitrile หรือ o-Chlorobenzylmalononitrile ทางทหารเรียกสั้นๆ ว่า CS จัดเป็นอาวุธเคมี (chemical weapon) ที่ใช้คุมฝูงชน แต่ไม่ทำให้ถึงตาย
(5) o-Chlorobenzylmalononitrile เป็นสารก่อการระเคืองเหมือนกับที่อยู่ใน CS gas
ทาง อ.อ๊อดกล่าวว่า สารในข้อ 2-5 อยู่ในกลุ่มของแก๊สน้ำตา ซึ่งสามารถใส่เพียงตัวเดียวก็เพียงพอแล้ว แต่ทางตำรวจกลับใส่ทั้งหมด 4 ตัว ถึงแม้ว่าจะไม่ทำให้ถึงแก่ชีวิต แต่มันเข้มข้นและใส่เยอะเกินไป จึงอยากให้ทางผู้ปฏิบัติโปรดพิจารณาถึง อนุสัญญาอาวุธเคมี (Chemical Weapons Convention) อันเป็นหลักสากลด้วย