ถือเป็นการสานต่อภาพยนตร์ระดับตำนานจาก Jurassic Park ภาพยนตร์ไดโนเสาร์อมตะที่ไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัยก็ยังคงมีผู้ชมติดตามและชื่นชอบเป็นอย่างมาก
สำหรับ Jurassic World (2015) หรือในชื่อไทยที่ทับศัพท์กันตรง ๆ ว่า “ จูราสสิค เวิลด์ ” หนังไดโนเสาร์ภาคที่ 4 ในแฟรนไชส์เดียวกับ Jurassic Park (1993) ที่ในครั้งนี้ตัวหนังต้องการนำเสนอมุมมองใหม่ ๆ กับความสำเร็จของมนุษย์ในการควบคุมไดโนเสาร์
Jurassic World เล่าถึงความสำเร็จที่มนุษย์สามารถสร้างสวนสัตว์ที่สามารถควบคุมไดโนเสาร์ได้ โดยทุกอย่างก็ยังคงเกิดขึ้นบนเกาะ Isla Nublar เกาะเดิมและเป็นเกาะเดียวกับภาพยนตร์ภาคแรกอย่าง Jurassic Park เพียงแต่จะอยู่กันคนละด้านของเกาะยักษ์นี้
ในภาคนี้ สวนสนุกไดโนเสาร์ได้เปิดตัวเต็มรูปแบบโดยมีเทคโนโลยีตัดต่อพันธุกรรมและสามารถเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ไดโนเสาร์ได้อย่างมากมาย ให้กลายเป็นที่ตื่นตาตื่นใจกับนักท่องเที่ยว
แต่สุดท้ายสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อไดโนเสาร์พันธุ์ทางที่พวกเขาได้สร้างขึ้นมากลับหลุดออกมาได้จากกรง และมันก็ได้ทำลายล้างสวนสัตว์แห่งนี้ที่ทำให้ทุกคนต้องหนีเอาชีวิตรอดกันอีกครั้ง
สำหรับคำวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่อง Jurassic World ในแง่บวก คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องความสมจริงจากภาพ CG ซึ่งหนังทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมและน่าตื่นตาตื่นใจผู้ชมเป็นอย่างมาก หนังให้อารมณ์กับคนดูในแง่ของความฝันที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งมนุษย์อยากเห็นไดโนเสาร์กลับมามีชีวิตอีกครั้ง และสามารถเห็นเหล่าสัตว์ล้านปีตัวเป็น ๆ ได้ในกรงขังอย่างใกล้ชิดเหมือนสวนสัตว์ปกติ โดยจุดนี้หนังตอบจินตนาการของมนุษย์ได้ดีมาก
ในแง่ลบ ฉากของหนังดูขาดตรรกะและเหตุผลที่สมจริงมากแบบไม่น่าให้อภัยเช่น การที่นางเอกสวมรองเท้าส้นสูงวิ่งกลางป่าแทบตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการที่คน ๆ หนึ่งต้องหลบหนีไดโนเสาร์ มันไม่มีความเป็นไปได้เลยที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะสวมรองเท้าส้นสูงวิ่งอย่างว่องไวได้ตลอดเวลา