หากพูดถึงภาพยนตร์อวกาศที่มีมากมายในท้องตลาดบันเทิง ซึ่งมีทั้งดีและไม่ดี มีทั้งสมจริงและดูไร้ตรรกะ แต่สำหรับภาพยนตร์อย่าง Interstellar นี่คือหนังอวกาศขึ้นหิ้งอีกหนึ่งเรื่องที่คนรักการชมภาพยนตร์ไม่ควรพลาด
Interstellar (2014) หรือในชื่อไทย “ อินเตอร์สเตลลาร์ ทะยานดาวกู้โลก ” เล่าถึงเรื่องราวในยุคปลายของโลกที่ทุกอย่างจะจบสิ้นลงตามวัฏจักรแห่งจักรวาล โดยมนุษยชาติต้องเผชิญกับการขาดแคลนอาหาร และที่สำคัญคือภัยพิบัติทางธรรมชาติ
อีกด้านหนึ่งจึงเป็นหนทางที่มนุษย์จะต้องหาทางปรับตัวในครั้งนี้ ด้วยการหาอาณานิคมใหม่และทางเลือกที่จะพลิกหน้าประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติคือ การเดินทางข้ามกาแลคซีอันไกลโพ้นเพื่อค้นหาดาวดวงใหม่สำหรับการสร้างอาณานิคมเพื่อมนุษยชาติ
แต่เมื่อเริ่มต้นเดินทาง อุปสรรคทุก ๆ อย่างก็เข้ามามากมายและไม่ง่ายในการเดินทางข้ามกาแลคซีรวมไปถึงความลับของจักรวาลที่ในครั้งนี้ มนุษย์จะได้ค้นพบคำตอบซึ่งเหมือนเป็นสัจธรรมชีวิตและจักรวาลที่ตีคู่กันมาอย่างไม่น่าเชื่อ
สำหรับคำวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่อง Interstellar ในแง่บวก หนังมีตรรกะและความคิดที่ซับซ้อนแต่ก็มีเหตุและผลรองรับกันมาโดยตลอด รวมไปถึงหนังสามารถสลับอารมณ์ดรามากับเรื่องวิทยาศาสตร์ได้อย่างลงตัว และการดำเนินเรื่องที่ถึงแม้หนังจะมีความยาวเกือบ 3 ชั่วโมงเต็ม แต่กลับดูได้ไม่น่าเบื่อและมีฉากให้ลุ้นระทึกตลอดเวลา รวมถึงปรัชญาชีวิตกับความลับทางห้วงเวลาในจักรวาลซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์สงสัยมาตลอด และหนังเรื่องนี้ก็ตอบโจทย์ได้ดี
ในแง่ลบ หนังต้องใช้สมาธิเป็นอย่างสูงในการรับชม น่าจะมีความน่าเบื่อได้หากผู้ชมไม่ได้ชอบความซับซ้อนหรือต้องคิดตามภาพยนตร์ไปเรื่อย ๆ และหลังจากชมภาพยนตร์จบ บางครั้งหากเราต้องการที่จะเคลียร์ทุก ๆ ปมปัญหาของหนัง เราอาจจะต้องรับชมอีกหนึ่งรอบเป็นอย่างน้อย