No Time to Die (2021) ปิดตำนาน 007 ของ “ แดเนียล เคร็ก ”

520

แดเนียล เคร็ก

สำหรับแฟน ๆ สายลับรหัส 007 ในแบบฉบับของ แดเนียล เคร็ก ดาราผู้รับบทเป็น เจมส์ บอนด์ สายลับเจ้าเสน่ห์จากประเทศอังกฤษมาอย่างยาวนานตลอดทศวรรษที่ผ่านมา และนี่คือการปิดฉากอันสมบูรณ์แบบของเขาที่แฟนหนังไม่ควรพลาด

No Time to Die (2012) หรือในชื่อไทยว่า “ พยัคฆ์ร้ายกว่าเวลามรณะ ” เล่าถึงเรื่องราวของ แมทเดอรีน คนรักของ 007 ที่มีปมชีวิตอันขมขื่นในวัยเด็ก และต้องหนีเอาชีวิตรอดจากนักฆ่าภายใต้หน้ากาก ที่ได้ไล่ฆ่าครอบครัวของเธอ แต่ทว่าเรื่องราวสุดบังเอิญที่นักฆ่าคนนี้ก็ได้เป็นผู้ช่วยชีวิตเธอเช่นกัน

และดูเหมือนว่า เรื่องดังกล่าวได้ตามมาหลอกหลอนเธอมากขึ้นถึงแม้ชีวิตของเธอจะมีความสุขกับ เจมส์ บอนด์ แต่ทั้งนี้อดีตก็คงตามมาหลอกหลอนทั้งคู่ในการหนีเอาตัวรอดจากการถูกไล่ฆ่าทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องแยกทางกันในที่สุด

ถึงแม้เวลาจะผ่านไปหลายปี และ 007 ที่ได้ปลดระวางจากงานสายลับและใช้ชีวิตหลบซ่อนจากภัยร้ายทุกอย่างรวมถึงคนรัก แต่ทว่าสุดท้าย เขาต้องกลับมาเป็นพยัคฆ์ร้าย 007 อีกครั้งเพื่อปกป้องชีวิตคนรัก จากมนุษย์ภายใต้หน้ากากที่กลับมาตามทวงความแค้น  และไม่เพียงแค่ชีวิตของคู่รักคู่นี้เป็นเดิมพัน แต่ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ 007 จะต้องทำเพื่อปกป้องโลกใบนี้

สำหรับคำวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่อง No Time to Die ในแง่บวก ถือเป็นการปิดฉากของ แดเนียล เคร็ก ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และสมศักดิ์ศรีกับผู้ที่รับบทเป็น 007 มาอย่างยาวนาน รวมไปถึงแอ็คชันสนุกสนานมากมาย ที่ทำให้ผู้ชมต้องร้องว้าวถึงเทคโนโลยีอันทันสมัยที่คุ้มค่าแก่การรับชมเป็นอย่างมาก

ในแง่ลบ หนังยังคงมีช่องโหว่อยู่มากมาย การเร่งรีบในบางฉากจนกลายเป็นความไม่สมดุลและเหตุผลที่เบาบาง ความอิ่มของตัวละครบางตัวที่โผล่เข้ามาและน่าจะมีบทบาทนานกว่านี้ นี่คือจุดอ่อนมาก ๆ ของหนังเรื่องนี้

Previous article“ อิ้งค์ วรันธร ” แจ้งข่าวดี ตรวจรอบ 2 ไม่พบเชื้อ โควิด-19
Next articleอเดล สุดแสนเบื่อกับการโดนวิจารณ์รูปร่างมาอย่างยาวนาน