เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติ10 มาตรการช่วยเหลือประชาชนให้เป็นทางการ ทั้งการลดภาษี อุดหนุนค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าก๊าซ อย่าลืมว่าถ้าทุ่มงบประมาณทั้งหมดลงไปในปัญหาใดปัญหาหนึ่ง ปัญหาอื่นจะเกิดตามมาทันที เพราะมีอีกหลายหน่วยงานหลายกระทรวงต้องใช้งบประมาณในภาพรวม
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า บรรเทาผลกระทบต่อประชาชนจากราคาพลังงาน มีกรอบวงเงินเบื้องต้น 45,102.65 ล้านบาท การช่วยเหลือแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ มาตรการช่วยเหลือในระยะเร่งด่วน 10 มาตรการ และมาตรการช่วยเหลือในระยะต่อไป สำหรับมาตรการช่วยเหลือในระยะเร่งด่วน ประกอบด้วย 10 มาตรการ ดังนี้ 1.ทยอยปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) เดือนละ 15 บาทต่อถัง (ขนาด 15 กก.) เป็นเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน-มิถุนายน โดยราคาก๊าซหุงต้มเดือนเมษายน ถังละ 333 บาท เดือนพฤษภาคม ถังละ 348 บาท และเดือนมิถุนายน ถังละ 363 บาท 2.ตรึงราคาขายปลีกก๊าซเอ็นจีวี 15.59 บาทต่อกก. เป็นเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่เมษายน-มิถุนายน
น.ส.รัชดากล่าวว่า 3.ลดค่าไฟฟ้าผันแปร(เอฟที) ลง 22 สตางค์ต่อหน่วย เป็นเวลา 4 เดือน ตั้งแต่พฤษภาคม-สิงหาคม ให้แก่ผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน 4.ตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตรไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน หลังจากนั้นรัฐบาลจะเข้าไปช่วยเหลือส่วนที่ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นครึ่งหนึ่ง ตั้งแต่พฤษภาคม-มิถุนายน โดยอัตราชดเชยประมาณ 8 บาทต่อลิตร 5.ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมการขนส่งทางบก จำนวน 1.57 แสนคน จะได้รับส่วนลดค่าน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 250 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือนตั้งแต่พฤษภาคม-กรกฎาคม 2565
6.แท็กซี่มิเตอร์ที่เข้าร่วมโครงการลมหายใจเดียวกัน จำนวน 17,460 คน สามารถซื้อก๊าซเอ็นจีวี ได้ในราคาพิเศษ 13.62 บาทต่อกิโลกรัม วงเงินไม่เกิน 10,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เมษายน-มิถุนายน 7.เพิ่มส่วนลดค่าก๊าซหุงต้มให้กลุ่มเปราะบางผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 3.6 ล้านคน เพิ่มเงินเป็น 100 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน จากเดิม 45 บาท เป็นเวลา 3 เดือนตั้งแต่เดือนเมษายน-มิถุนายน 8.ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 5,500 คน ได้รับส่วนลดซื้อก๊าซหุงต้มเดือนละ 100 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เมษายน-มิถุนายน
9.ลดอัตราเงินสมทบของนายจ้าง จำนวน 4.9 แสนราย และลูกจ้างที่อยู่ในระบบประกันสังคม มาตรา 33 จำนวน 11.2 ล้านคน จาก 5% เหลือ 1% เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่พฤษภาคม-กรกฎาคม และ 10.ลดอัตราเงินสมทบผู้ประกันตน มาตรา 39 จำนวน 1.9 ล้านคน จาก 9% เหลือ 1.9% เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม และลดอัตราเงินสมทบของผู้ประกันตนมาตรา 40 จำนวน 10.7 ล้านคน จาก 70-300 บาท ลดลงเหลือ 42-180 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-กรกฎาคม
