Silent Hill เกมแนวเอาตัวรอดเขย่าขวัญจิตวิทยา เป็นหนึ่งในเกมที่ได้รับความนิยมและถูกจารึกบนหน้าประวัติศาสตร์วิดีโอเกม เคยถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ 2 ภาค ออกฉายในปี 2006 และ 2012 ส่วนตัวเกมเฉพาะภาคหลักมี 8 ตอนด้วยกัน เริ่มจาก Silent Hill ในปี 1999 จนถึง Silent Hill: Downpour ในปี 2012 จากนั้นก็เงียบหายไปจนถึงปัจจุบันเกือบ 1 ทศวรรษ ที่ไม่มีการพัฒนาออกมาแม้กระทั่งเวอร์ชั่น Remake หรือ Remaster แบบแฟรนไชส์ดังอื่น ๆ ชอบทำกัน
Silent Hill เป็นเกมที่ถือกำเนิดจากความคิดสร้างสรรค์ของ Keiichiro Toyama และเป็นหนึ่งในผลงานระดับมาสเตอร์พีชของค่าย Konami โดย Team Silent ทีมงานกลุ่มเล็ก ๆ ในบริษัท เป็นผู้พัฒนาเกมหลัก 4 ภาคแรก ส่วนที่เหลืออยู่ในความดูแลของทีมงานต่างชาติ และจากตัวเลขเมื่อปี 2013 ซีรี่ส์ Silent Hill มียอดจำหน่ายทั่วโลกกว่า 8.4 ล้านก๊อปปี้
เมื่อไม่นานมานี้ Keiichiro Toyama อดีตผู้สร้าง Silent Hill ซึ่งอยู่ในช่วงพัฒนาเกมสยองขวัญเกมใหม่อย่าง Slitterhead ได้พูดถึง Silent Hill ที่เขามีส่วนสำคัญในการบ่มเพาะนานหลายปีจนกลายเป็นหนึ่งในเกมขึ้นหิ้งในวงการไปแล้ว
ผู้กำกับและนักออกแบบวิดีโอเกมชาวญี่ปุ่นวัย 43 ปี ให้ความเห็นว่า การนำ Silent Hill มารีเมคนั้นเป็นงานที่ค่อนข้างยากลำบากและสลับซับซ้อน เพราะแก่นของเกมคือจิตวิทยาสยองขวัญ ซึ่งต้องคิดคอนเซ็ปท์ใหม่ทั้งหมดเพื่อให้อารมณ์ ความรู้สึก และบรรยากาศ ต้องสดใหม่และคงความเป็นจิตวิทยาสยองขวัญแนวเอาตัวรอด ต่างจาก Resident Evil เกมที่ถูก Capcom รีเมคและรีมาสเตอร์อย่างสนุกสนาน เพราะซีรี่ส์ “ผีชีวะ” มีแอ็คชันเป็นตัวชูโรง จึงง่ายกว่า ขณะที่เกมอย่าง Silent Hill จะทำเพียงแค่ยกเครื่องกราฟิกไม่ได้
“ โดยส่วนตัว ผมมองว่าความคิดหรือการควบคุมโครงสร้างการออกแบบเกมเป็นปัจจัยสำคัญในการรีเมค Silent Hill ขณะที่กราฟิกเป็นปัจจัยระดับเล็กมาก ๆ ” Keiichiro Toyama สรุปตบท้าย
ไม่เพียง Keiichiro Toyama ที่กำลังปลุกปั่นผลงานใหม่ Slitterhead เกมที่มีเหตุในสลัมประเทศหนึ่งที่เกิดมนุษย์กลายพันธุ์ออกมาไล่ฆ่ามนุษย์ปกติ ในส่วนของทีมงานรายอื่น ๆ ต่างแยกย้ายลุยโปรเจกต์ใหม่กันทั้งนั้น พร้อมทิ้ง Silent Hill เป็นความทรงจำอันยิ่งใหญ่ไว้เบื้องหลัง
