เมื่อวันพุธที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา บรูซ สปริงส์ทีน นักร้อง นักแต่งเพลงชื่อดังวงการอเมริกันร็อกในวัย 72 ปี ได้ทำการขายลิขสิทธิ์ของเพลงตัวเองไปให้กับค่าย Sony และรับเงินกลับบ้านไปราว 500 ล้านดอลลาร์ หรือราว 16,700 ล้านบาทไทย
จากการขายลิขสิทธิ์เพลงในครั้งนี้ เป็นการขายแบบครอบคลุมทั้งผลงานเพลงที่เป็นเสียงร้องของสปริงส์ทีนเอง รวมไปถึงผลงานเพลงที่สปริงส์ทีนเป็นผู้แต่งเพลงเอง และรวมไปถึงเพลงฮิต อย่าง Born in the U.S.A ที่ทำให้เขาได้ดังกระฉูดระดับโลก ในการซื้อขายลิขสิทธิ์เพลงในครั้งนี้ไม่ได้มีการประกาศให้สาธารณะได้รับรู้ เพราะสปริงส์ทีนเองก็เป็นศิลปินรายล่าสุดที่มีข่าวขายลิขสิทธิ์ผลงานเพลง ต่อจาก บ็อบ ดีแลน ที่ได้ขายลิขสิทธิ์เพลงทั้งหมดให้กับค่าย Universal Music Publishing Group และรับเงินค่าผลงานไป 300 ล้านดอลลาร์ หรือราว 10,020 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมี สตีวี นิกส์ และ นีล ยังก์ ที่ขายลิขสิทธิ์ผลงานเพลงบางส่วนจากผลงานเพลงทั้งหมดไป ทำให้ตอนนี้เราได้เห็นแล้วว่า ค่ายเพลงเริ่มมองเห็นโอกาสในการทำกำไรจากการไล่ซื้อและรับซื้อลิขสิทธิ์เพลงอมตะจาก นักร้อง นักแต่งเพลง คนดังในวงการดนตรีนั้นเอง
ปัจจุบัน ลิขสิทธิ์เพลงนั้นมีการซื้อขายและเติบโตในตลาดการเงิน ลิขสิทธิ์เพลงถูกมองว่าเป็นกลุ่มสินทรัพย์ที่น่าจะทำกำไรได้ดีสำหรับค่ายเพลงใหญ่ ที่ผ่านมา สปริงส์ทีน ได้ร่วมงานกับค่าย Columbia Records ของ SONY มาตลอด 50 ปี และทำยอดขายมากกว่า 150 ล้านแผ่น แต่จ้าตัวก็ยังมองเห็นความคุ้มค่าที่จะขายผลงานที่เคยทำมาเพื่อแลกกับความสบายของตัวเองและครอบครัวไปตลอดชีวิตแทน
