ถือเป็นหนังอีกหนึ่งเรื่อง ที่ให้อารมณ์ความดิบของมนุษย์ตลอดทั้งเรื่อง และแทบจะลดความบันเทิงของหนังลง แต่ก็ยังเปี่ยมไปด้วยแนวคิดและคำถามตลอดทั้งเรื่อง แม้ว่าคนดูจะดูจบลงไปแล้ว ก็อาจจะยังสงสัยถึงเรื่องราวต่าง ๆ จากหนังที่ชื่อว่า Cold Skin (2018) หรือในชื่อไทยว่า “ พรายนรก ป้อมทมิฬ ”
Cold Skin ได้เล่าเรื่องของชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่อยากจะหลีกหนีทุกอย่างจากสังคมที่เขาเคยอยู่ โดยเขาได้ไปอาศัยบนเกาะร้าง ที่มีประภาคารอันสูงเด่น เพื่อทำหน้าที่นักอุตุนิยมวิทยาประจำเกาะแห่งนี้
แต่สุดท้าย เขาต้องพบว่า นักอุตุนิยมวิทยาคนก่อนกลับหายตัวไปอย่างลึกลับ จะมีอยู่ก็เพียงแค่ชายหนุ่มปริศนานามว่า “ กรูเนอร์ ” ที่อาศัยอยู่บนเกาะร้างนี้ และทุกอย่างที่เข้ามาในทุก ๆ คืนบนเกาะแห่งนี้ ที่จะถูกรุกรานโดยพรายน้ำจำนวนมหาศาล ที่ออกอาละวาด
ซึ่งชายหนุ่มคนดังกล่าว จะต้องร่วมมือกับ “ กรูเนอร์ ” ต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดท่ามกลางความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน
สำหรับวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่อง Cold Skin ในแง่บวก แม้ว่า ตัวหนังจะไม่ใช่หนังของฮอลลีวูด แต่เป็นหนังสัญชาติฝรั่งเศสและสเปนร่วมมือกันสร้าง แต่ต้องยอมรับเลยว่า ตัวหนังทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และระทึกขวัญเล่นกับอารมณ์ความรู้สึกของคนดูตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความดิบในจิตใจมนุษย์ และข้อแตกต่างระหว่างมนุษย์กับสิ่งมีชีวิตอื่น โดยผู้ชมได้ให้ความเห็นว่า ตัวหนังมี 2 อารมณ์คือ ปริศนาในครึ่งแรก และความแอคชันในครึ่งหลัง ซึ่งหนังถ่ายทอดออกมาได้อย่างลงตัว และมีจุดคิดที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก
สำหรับคำวิจารณ์ในแง่ลบ ต้องยอมรับว่า ไม่ใช่หนังเบาสมอง ซึ่งผู้รับชมจำเป็นที่ต้องคิดตามตลอดเรื่อง รวมไปถึงปริศนาบางอย่าง ที่ตัวหนังได้ซ่อนเอาไว้ หากผู้ชมไม่มีสมาธิ อาจจะหลุดจับใจความสำคัญไม่ได้ ทั้งนี้ในบางช่วงของหนัง ก็มีช่วงที่หนังดำเนินเรื่องอย่างช้า ๆ ซึ่งอาจจะกลายเป็นจุดน่าเบื่อได้บ้างเช่นกัน
