วิธีการทำน้้ำพริกกะปิ ของโปรดคู่คนไทยมาแต่โบราณ

5861

เมนูอาหารที่ขาดไม่ได้สำหรับคนไทยก็คงไม่พ้นน้ำพริกกับผัก ซึ่งน้ำพริกก็มีอยู่หลายชนิดเช่นกัน สามารถเลือกทำทานได้ไม่เบื่อเลยคะ สำหรับวันนี้เรามีน้ำพริกขึ้นชื่อของไทยมาให้ลองทำทานกันคะ นั่นก็คือ “น้ำพริกกะปิ” วิธีการทำน้้ำพริกกะปิ นั้นไม่ยากเพียงไม่นานก็อร่อยได้แล้ว

ในประเทศไทย มีกะปิหลายชนิดให้เลือกรับประทาน ซึ่งจะแตกต่างกันทั้งคุณภาพ วัตถุดิบ และกรรมวิธีการผลิต ตามแหล่งกำเนิด ซึ่งกะปิส่วนมากทำมาจากกุ้งเคย (เป็นสัตว์ทะเลที่มีขนาดเล็ก มีลักษณะคล้ายกุ้ง ไม่มีกรีแหลมๆบริเวณหัวเหมือนกุ้ง ตัวขาวใส มีตาสีดำ) ที่พบมากตามชายฝั่งทะเลอันดามันของไทย

วิธีการทำน้้ำพริกกะปิ
รูปภาพจาก www.i.ytimg.com/vi/QntQ4Owhk_U/maxresdefault.jpg

เคล็ดไม่รับของวิธีการทำน้้ำพริกกะปิ

น้ำพริกกะปิประกอบด้วย กะปิ กุ้งแห้ง กระเทียม หอมแดง พริกขี้หนูสด น้ำตาลปีบ น้ำปลา มะนาว มะเขือพวง วิธีตำน้ำพริกกะปิโดยเริ่มจากการตำกะปิกับกระเทียมให้แหลกเสียก่อน เพื่อให้น้ำมันในกระเทียมออกมาช่วยลดกลิ่นกะปิและลดกลิ่นของกระเทียมไปพร้อมๆกัน ตำจนส่วนผสมเข้ากันดีแล้ว ก็ใส่กุ้งแห้งสับละเอียด พริกขี้หนูสด ตำให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำตาลปีบ หลังจากนั้นเติมน้ำอุ่นลงไปเล็กน้อยและบีบมะนาวตามลงไป คลุกให้เข้ากัน แล้วปิดท้ายด้วยการใส่มะเขือพวงและพริกขี้หนูสวนบุพอแตก

วิธีการทำน้้ำพริกกะปิแบบโบราณ

สำหรับเคล็ดลับน้ำพริกกะปิแบบไทยแท้ๆ ต้องใช้กระเทียมไทย (กระเทียมที่กลีบเล็กๆ) เท่านั้น เพราะมีน้ำมันเยอะกว่ากระเทียมจีน (มีลักษณะกลีบใหญ่ ปลอกง่าย มีแป้งเยอะ ไม่มีน้ำมัน) จะช่วยให้น้ำพริกมีกลิ่นหอม น้ำตาลที่ใช้ก็ต้องเป็นน้ำตาลปีบ ไม่ควรใช้น้ำตาลทรายเพราะจะให้รสชาติหวานแหลม ไม่นุ่มนวล และอีกสิ่งหนึ่งที่อยากจะแนะนำก็คือ พริก ควรใช้พริกขี้หนูสดเท่านั้น เพราะมีกลิ่นหอม และรสชาติเผ็ด คะ ส่วนสิ่งที่ต้องระวังก็คงเป็นการบีบน้ำมะนาว ไม่ควรเค้นมากไปเพราะจะทำให้น้ำพริกมีรสขมที่เกิดจากน้ำมันจากผิวมะนาวหปนลงไปในน้ำพริก ทำให้หมดอร่อยได้เลย

น้ำพริกกะปินอกจากจะทานกับปลทูทอดแล้ว ยังสามารถทานร่วมกับอาหารชนิดอื่นได้เป็นอย่างดี เช่น ชะอมชุบไข่ มะเขือยาวทอดไข่ ไข่ต้ม ไข่เจียว ส่วนผักที่นิยมนำมารับประทานร่วมกับน้ำพริกกะปิ เช่น หน่อไม้ลวก มะเขือชนิดต่างๆ ขมิ้นอ่อน แตงกวา ถั่วพลู หรือจะเป็นผักต้ม เช่น ข้าวโพดอ่อน ถั่วฝักยาว ดอกแค ดอกโสน ฝักกระเจี๊ยบ เป็นต้น หากใครชอบรับประทานอย่างอื่นก็สามารถนำมาเป็นเครื่องเคียงกับน้ำพริกกะปิได้คะ

ประโยชน์ของน้้ำพริกกะปิ 

น้ำพริกกะปิอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ เราจะได้รับสารแคปไซซินจากพริกสด จะช่วยกระตุ้นให้ความอยากอาหาร และสารเบต้าแคโรทีนช่วยเรื่องบำรุงผิวพรรณ สารเซเลเนียมช่วยต้านอนุมูลอิสระ โปรแตสเซียมช่วทำให้เซลล์แข็งแรงจากหอมแดงและกระเทียม และสารแอนตี้เซปติกจากน้ำมันในกระเทียม ซึ่งช่วยเรื่องป้องกันกการติดเชื้อและลดไขมันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี ส่วนในกุ้งแห้งก็มีแคลเซียมสูง ทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง และมะเขือพวงช่วยเรื่องการขับถ่ายได้เป็นอย่างดี อันนี้เป็นเพียงคุณค่าที่ได้จากน้ำพริกกะปิเท่านั้น และหากเรารับประทานร่วมกับผักสด/ผักต้ม จะยิ่งทำให้เราได้สารอาหาร อย่าง ธาตุเหล็ก วิตามินและกากใยอาหาร ด้วยคะ

การเลือกซื้อกะปิ ต้องมีสีเป็นธรรมชาติ เช่น สีชมพู สีแดงออกม่วง ห้ามใส่สีทุกชนิดตามประกาศกระทรวงสาธารณะสุขเมื่อปี พ.ศ.2547 เนื้อของกะปิต้องละเอียด มีความสม่ำเสมอเป็นเนื้อเดียวกัน เหนียว ไม่แห้งหรือเปียกจนเกินไป มีกลิ่นหอมตามธรมมชาติของกะปี ไม่มีกลิ่นคาวหรือกลิ่นฉุนของสารเคมี มีรสชาติเค็มพอดี ไม่ขม และบรรจุอยู่ในภาชนะสะอาด แห้งและปิดสนิท เพื่อความปลอดภัยของตนเอง

น้ำพริกอาหารคู่สำรับอาหารของคนไทย วิธีทำง่ายๆ ส่วนผสมก็หาซื้อได้สะดวก มื้อเย็นวันนี้มาตำน้ำพริกกะปิขึ้นโต๊ะกันเถอะคะ

ข้อมูลอ้างอิง
เลือกซื้อกะปิต้องไม่ใส่สี: thaihealth.or.th
ประโยชน์หลากหลายจากน้ำพริกกะปิ: manager.co.th

Previous articleวิธีทำข้าวผัด ข้าวผัดปูอร่อยด้วยเทคนิคทำเองแบบง่ายๆ
Next articleวิธีการทำลูกชุบ ศิลปะขนมไทยโบราณเด็กทานได้ผู้ใหญ่ทานดี