“ ก้อง ห้วยไร่ ” ย้อนอดีตชีวิตเร่ร่อนก่อนกลายเป็นศิลปินดัง

355

ชีวิตเร่ร่อน

เรียกได้ว่าเป็นศิลปินลูกทุ่งที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในยุคนี้สำหรับ ก้อง ห้วยไร่ หรือในชื่อจริง วีระเดช ยอดจำปา นักร้องหนุ่มคนดัง ที่ในครั้งนี้เขาได้รำลึกถึงความยากลำบากผ่านสื่อออนไลน์ชื่อดังอย่าง The People ถึงชีวิตที่เขาต้องเจอกับเรื่องราวทดสอบจิตใจมามากมาย

ก้อง ห้วยไร่ นักร้องและนักแสดงดังในวัย 36 ปี ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า

“ ผมออกจากบ้านห้วยไร่ที่สกลนคร จบ ม.6 เดินทางเข้ามาหางานทำที่กรุงเทพฯ ระหว่างนั้นก็ลงเรียนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหงไปด้วย ”

“ ผมบอกที่บ้านว่าต้องมาทำงาน อยากซื้อบ้านซื้อรถให้พ่อแม่ ตอนนั้นนึกว่าจะเข้ามาเป็นดาราหรือนักกีฬา แต่เข้ามาปุ๊บเริ่มต้นด้วยงานก่อสร้าง ไปอยู่กับน้า ได้ค่าแรงวันละ 100 กว่าบาท ติดฉนวนกันความร้อน ยกปูนผสมปูน ทำทุกอย่าง เพื่อจะเอาเงินไปซื้อชุดนักศึกษา ทำไปได้สักพัก มหาวิทยาลัยเปิด ก็ต้องไปเรียน ทำงานทุกวันไม่ได้แล้ว เลยเปลี่ยนอาชีพมาดีดกีตาร์หน้ารามฯ ”

ก้อง ห้วยไร่ ยังได้กล่าวถึงความผิดหวังครั้งรุนแรงจากความรักจนต้องลาออกจากงาน และได้เขียนกลอนวางไว้ให้อดีตคนรัก มีเนื้อความว่า “ ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน ไสว่าสิมีกันและกัน ไสว่าสิฮักแพงกัน ไสว่าสิมีกันตลอดไป ” ก่อนออกมาใช้ชีวิตเร่ร่อน

“ ผมใช้ชีวิตเร่ร่อนอยู่เกือบ 6 เดือน ดีดกีตาร์อยู่ข้างถนน ตระเวนตามร้านหมูกระทะ สมัครร้องเพลง หาเงินประทังชีวิต จนวันนึง ผมไปนั่งดีดกีตาร์อยู่ในสนามกีฬา กกท. ราชมังคลาฯ วันนั้นมีคอนเสิร์ตบอดี้สแลม ผมได้ยินเพลง ‘ ทางกลับบ้าน ’ ดังออกมา เนื้อหาประมาณว่า ถ้าวันนึงเราผิดหวัง เราหาทางกลับบ้าน เราไม่จำเป็นต้องประสบความสำเร็จก็ได้ ทำไมเราไม่กลับบ้านวะ แล้วพ่อแม่จะคิดยังไงที่เห็นเราเร่ร่อนอย่างนี้ ”

หลังจากนั้น ก้อง ห้วยไร่ ก็ฉุกคิดได้และกลับไปอยู่บ้านที่สกลนคร ไปหาพ่อแม่ และได้แรงบันดาลใจ เขียนเพลง “ ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน ” ที่โด่งดังและแจ้งเกิดให้กับตัวเขาในที่สุด

Previous articleฝันถึง “ มอเตอร์ไซค์ ” ในเดือนตุลาคม 2564 ตีความหมายอะไรได้บ้าง
Next article“ แอสเซิล โรส ” ยอมรับนิสัยแย่ ๆ มาสายประจำจนผู้คนเอือมระอา