หากใครที่เคยรับชมภาพยนตร์อย่าง “ Home Alone โดดเดี่ยวผู้น่ารัก ” (1990) เรื่องราวของเด็กชายจอมแก่น ที่ถูกทิ้งให้อยู่ที่บ้าน และต้องเอาตัวรอดจากโจรร้าย โดยสุดท้าย ตัวเขาสามารถแก้ปัญหาได้อย่างยอดเยี่ยม
แต่ถ้าจะพูดถึง Safe Neighborhood (2018) หรือในชื่อไทยที่เรียกว่า “ โดดเดี่ยว เดี๋ยวก็ตาย ” น่าจะเป็นหนังด้านตรงกันข้ามของ Home Alone ที่มีพล็อตเรื่องบางอย่างคล้ายกัน
Safe Neighborhood เล่าถึงเรื่องในวันคริสต์มาสของสาววัยรุ่นอย่าง แอชลีย์ ที่ต้องมารับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กให้กับ ลุค หนุ่มน้อยวัย 12 ปี ที่พ่อแม่ต้องออกไปเฉลิมฉลองวันคริสต์มาส โดยตัวของ ลุค เอง ก็แอบชอบในตัวสาวสวยคนนี้มาอย่างยาวนานแล้วแม้ว่าเขาจะเด็กกว่าก็ตาม
ลุค จึงได้ให้เพื่อนสนิทอย่าง การ์เรต ร่วมวางแผนให้เขาได้มีช่วงเวลาดี ๆ ต่อกันกับพี่เลี้ยงสาว แต่แล้วความเป็นจริง ทุกอย่างมันแย่ไปหมด เมื่อพี่เลี้ยงสาวรายนี้ต้องทะเลาะกับแฟนหนุ่มจากสาเหตุที่เธอต้องการที่จะไปเรียนต่อเมืองอื่น และยิ่งหนักไปกว่านั้น
เมื่อพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับโจร ที่ได้ออกปล้นในยามค่ำคืนในวันคริสต์มาส จนนำไปสู่เรื่องราวโกลาหลและคาดไม่ถึง
สำหรับคำวิจารณ์ของเรื่อง Safe Neighborhood ในแง่บวก หนังได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์และผู้ชมในเรื่องไอเดีย ที่หากผู้ชมได้ชมแค่ตัวอย่าง หรือเข้าชมเพียงแค่ฉากแรก ๆ อาจจะคิดได้ว่า นี่คือหนังภาคต่อของ Home Alone ในยุคใหม่ก็เป็นได้ แต่สุดท้าย ตัวเรื่องและเหตุการณ์ร้าย ๆ ที่เข้ามา ได้เปลี่ยนบทบาทของตัวละคร ซึ่งถือได้ว่า จุดนี้เป็นจุดที่น่าชื่นชม ถึงไอเดียของผู้หนังเป็นอย่างมาก
ในขณะที่แง่ลบของหนัง ต้องยอมรับว่า หนังมีช่องโหว่ในหลาย ๆ จุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเหตุและผล ที่บางครั้งก็ดูเหมือนไม่สมจริง และไม่น่าจะมีความเป็นไปได้ ที่บางเหตุการณ์จะเกิดซ้ำซ้อนกันขนาดนี้
