เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2565 นายพชร นริพทะพันธุ์ กรรมการบริหาร และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวว่า ตามที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ ออกมาเตือนสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ พร้อมเสนอแนวทางปรับลดราคาไฟฟ้า ก๊าซ และน้ำมัน ให้ลดลงอย่างเป็นรูปธรรมและทำได้จริง แทนที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จะนำไปศึกษาและปรับใช้ กลับทำพฤติกรรมเหมือนเดิมคือ ส่งคนที่ไม่มีความรู้ ขาดความเข้าใจมาตอบโต้แบบมั่วๆ ยิ่งทำให้พล.อ.ประยุทธ์ หมดเครดิต และขาดความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
นายพชร กล่าวว่า การที่พล.อ.ประยุทธ์ ให้คนออกมาตอบโต้มั่วบอก เศรษฐกิจไทยปี 2555 ในช่วงรัฐบาลพรรคเพื่อไทยสมัยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ ขยายตัวได้ถึง 7.2% มาจากประชานิยม จึงอยากให้ความรู้ว่า รัฐบาลขณะนั้นทำสำเร็จเพราะมีนโยบายหลายด้านออกมาพร้อมกัน ทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้มาก เช่น ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท นโยบายช่วยชาวนา บ้านหลังแรก รถคันแรก ยกเว้นการเก็บกองทุนน้ำมันทำให้ราคาน้ำมันเบนซินลดลงลิตรละ 7-8 บาท ฯลฯ หาเสียงแล้วทำได้จริง ทำให้คนไทยกินดีอยู่ดี มีเงินเต็มกระเป๋า
อยากย้อนถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ ใช้เงินมากกว่าประชานิยมมาก ใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 20 ล้านล้านบาท ทำให้หนี้ประเทศพุ่งไป 10 ล้านล้านบาทแล้ว เหตุใดเศรษฐกิจไทยถึงไม่สามารถขยายตัวได้เท่าสมัยนั้น คนไทยกลับมีหนี้ท่วม แสดงว่าพล.อ.ประยุทธ์ใช้งบประมาณไม่เป็น คิดเป็นแต่แจกเงิน บริหารเศรษฐกิจล้มเหลวใช่หรือไม่
นี่ยังไม่พูดถึงนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) จำนวนมากที่พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ทำ เช่น ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 400-425 บาท ข้าวเจ้าตันละ 12,000 ข้าวหอมมะลิตันละ 18,000 บาท เงินเดือนอาชีวะ 18,000 บาท ปริญญาตรีเดือนละ 20,000 บาท โครงการมารดาประชารัฐ เป็นต้น หาเสียงแล้วไม่ทำเลย
คนไทยต้องทุกข์ทรมานจากการบริหารเศรษฐกิจที่ล้มเหลวของพล.อ.ประยุทธ์ มาตลอด 7 ปี มาเจอวิกฤตโควิดอีก 2 ปี และเจอสงครามรัสเซีย-ยูเครนซึ่งหนักมาก ประเทศจะเจอปัญหาหลายด้าน ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่มีแนวทางฟื้นเศรษฐกิจได้เลย จึงอยากให้กลับไปอ่านทบทวนทุกเรื่องที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยเสนอ ซึ่งถูกต้องทั้งหมดมาตลอด แสดงถึงความแตกต่างทางความรู้ความสามารถและแนวความคิดที่เหนือชั้นกว่ากันมาก
