ดร.ก้องศักด เผยเร่งแก้กฎหมายหลังเสี่ยงโดนแบนชื่อประเทศและธงชาติ

37

กฎหมาย

กลายเป็นข่าวใหญ่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาสำหรับวงการกีฬาแห่งประเทศไทยเมื่อได้มีการตีข่าวว่า ประเทศไทย รวมถึงอินโดนีเซียและเกาหลีเหนือ ได้ทำผิดกฎระเบียบขององค์กรต่อต้านสารกระตุ้นโลก หรือ WADA  เนื่องมาจากเหตุผลที่ประเทศไทยไม่ได้ปฏิบัติตามบัญญัติสารกระตุ้น และยังไม่มีการบังคับใช้กฏหมายอย่างจริงจัง

จากเรื่องดังกล่าวประเทศไทยอาจโดนแบนห้ามใช้ชื่อ “ ประเทศไทย ” และ “ ธงชาติไทย ” ในการลงแข่งขันทัวร์นาเมนต์ที่คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) และ WADA เป็นผู้จัดการแข่งขันเหมือนดังประเทศรัซเซียเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมาในการแข่งขัน โอลิมปิก เกมส์ 2020 ณ กรุง โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

ล่าสุด ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. ได้ให้สัมภาษณ์เปิดใจถึงเรื่องดังกล่าวนี้ว่า

“หลังจากที่ได้รับเรื่องจาก WADA เราก็ได้มีการแก้ไขในเรื่องกฏหมายเยอะแล้ว เราก็พยายามแก้ในสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับเขา บางประเด็นต้องมีการแก้กฎหมายในลักษณะ พ.ร.บ.(พระราชบัญญัติ) ซึ่งเราก็ได้ชี้แจงกับทาง WADA ไปแล้ว และได้ชี้แจงไปว่าระบบการแก้ไขกฎหมายของเมืองไทย มันต้องใช้เวลา”

“ เมื่อคณะกรรมการของ WADA เขาเร่งรัด ก็เลยมีลักษณะการประกาศออกมาตามสื่อที่เราเห็น  ซึ่งต้องยอมรับว่ามีเรื่องที่เราต้องแก้ ตอนนี้เราดำเนินการไปเยอะแล้ว ตอนนี้ร่างกฏหมายอยู่ที่สำนักงานกฤษฎีกา และได้รายงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและทางรัฐบาล โดยรองนายกรัฐมนตรี วิษณุ เครืองาม ได้นำประเด็นนี้ไปรายงานให้ผู้แก้ พ.ร.บ.ทราบแล้ว และขั้นตอนต่อไปจะต้องออกมาเป็นกฎหมายต่อไป เมื่อทาง WADA ออกมาแบบนี้ ก็จะต้องเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ”

“ ปัจจุบัน ประเทศไทยมีสำนักงานควบคุมสารต้องห้ามทางการกีฬา ซึ่งยังมีความเชื่อมโยงอยู่กับ การกีฬาแห่งประเทศไทย ยังเป็นโครงสร้างเดียวกัน นี่ก็เป็นประเด็นสำคัญ ซึ่งมีบางนิยามที่ยังไม่สอดคล้องกับ WADA  ในอนาคตอาจจะต้องมีการแยกองค์กรอิสระ เพื่อจัดการในเรื่องของการต่อต้านสารกระตุ้นในอนาคต และได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนากีฬาฯ เป็นอิสระจากการบริหารจัดการเพื่อให้สอดคล้องกับสิ่งที่ WADA กำหนด ”

Previous articleกอร์ดอน ประทับใจการ์ดรุคกี “ ไฮแลนด์ ” รุกได้ห้าวหาญ
Next articleเบรดี เก็บกดจากเกมที่แล้ว ขว้าง 5 สกอร์นำ “ บัคคาเนียร์ส ” ถล่ม “ ดอลฟินส์ ”