❝ อาหารเจ ❞ กับความเป็นมาที่ต้องรู้

449

อาหารเจ ปัจจุบันคนหันมารับประทานผักกันมากขึ้น และก็มีคนจำนวนมากที่เลิกทานเนื้อสัตว์แล้ว อาจจะด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง ทั้งทางด้านศาสนา ที่มีความเชื่อเกี่ยวกับการฆ่าสัตว์เป็นการทำบาป คนจึงอยากความดีด้วยการไม่ทานเนื้อสัตว์ทุกชนิด หรือจะเป็นเหตุผลทางด้านวิทยาศาสตร์ที่ว่าการเลี้ยงสัตว์ในยุคสมัยใหม่นั้นมักใช้ยาและสารเคมี ผู้ที่เป็นห่วงเรื่องสุขภาพก็จะกังวลว่าจะมีสารตกค้างในเนื้อสัตว์เหล่านั้น จึงเลิกทานเนื้อสัตว์ไปเลยคะ การเลิกทานเนื้อสัตว์ทุกชนิด รวมทั้งผลิตภัณฑ์จากสัตว์ไม่ว่าจะเป็น นม ไข่ เนย เป็นต้น เราเรียกวิธีการทานแบบนี้ว่า “การทานเจ”

อาหารเจ

อาหารเจที่มา…มาจากไหน

“เจ” มาจากภาษาจีนคำว่า “ไจ” แปลว่าปราศจาการทำลายชีวิตและปราศจากของที่มีกลิ่นคาว ซึ่งตรงกับคำสอนของพุทธศาสนาฝ่ายนิกายมหายาน ดังนั้นผู้ที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ รวมทั้งถือศีล 8 คือ คนกินเจ ยิ่งกว่านั้นการกินเจยังมีอาหารที่ต้องห้ามในการนำมาปรุงอาหาร คือ ผักที่มีกลิ่นฉุน ตามความเชื่อของชาวจีนที่วา หากรับประทานผักต้องห้ามนี้จะทำให้สุขภาพไม่ดี ร่างกายไม่แข็งแรง มีพิษสามารถทำลายธาตุทั้ง 5 ได้ ส่งผลให้อวัยวะหลักของร่างกายทำงานไม่ปกติ ซึ่งผักต้องห้ามมี  5 ชนิด ได้แก่

  1. กระเทียม ซึ่งหมายรวมทั้งหัวกระเทียมและต้นกระเทียม จะทำลายธาตุไฟ ทำให้หัวใจทำงานผิปกติ
  2. หัวหอม รวมถึงหอมแดง หอมขาว หอมหัวใหญ่ ต้นหอม ใบหอม ทำลายธาตุน้ำ ทำให้ไตทำงานผิดปกติ
  3. หลักเกียว เป็นพืชที่ปลูกในประเทศจีน มีลักษณะคล้ายหัวกระเทียมโทน ทำลายธาตุดิน ทำให้ม้ามมีปัญหา
  4. ผักกุยช่าย  ธาตุไม้ ทำลายตับ
  5. ใบยาสูบ ซึ่งหมายรวมถึงบุหรี่ ยาเส้น และของเสพติดมึนเมา ธาตุทอง ทำให้ปอดทำงานผิดปกติ

อาหารเจมีต้องกำเนิดในประเทศจีนมานานกว่า 2,000 ปีแล้ว ในสมัยจักรพรรดิฟูซี (Fu Xi) เป็นผู้ที่เคร่งครัดในเรื่องศาสนามาก จึงเกิดการทานเจขึ้น โดยมีหลักธรรมะของจิตวิญญาณ การดำรงชีวิตอยู่ด้วยความเมตตา ไม่เบียดเบียนผู้อื่น

อาหารเจที่เป็นผัก ผลไม้ จะมีคุณสมบัติเป็น “หยาง” คือความสะอาด ความโปร่ง ความแจ่มใส ในขณะที่เนื้อสัตวมีคุณสมบัติเป็นหยิน คือความขุ่นมัว ความมืด ซึ่งการรับประทานอาหารเจจะช่วยให้ร่างกายมีความเป็นหยางมากขึ้น ชีวิตจะอยู่ในสภาวะแจ่งใส สะอาด

ปัจจุบันเราสามารถหาอาหารเจรับประทานได้สะดวกมากขึ้น มีร้านอาหารเจเปิดให้บริการมากยิ่งขึ้น ดังนั้นการรับประทานอาหารเจจึงไม่ต้องจำกัดอยู่ในช่วงเทศกาลกินเจเท่านั้น ซึ่งเทศกาลกินเจจะถูกจัดขึ้นในวันขึ้น1 ค่ำ ถึง ขึ้น 9 ค่ำ ในเดือน 9 ตามปฎิทินจันทรคติแบบจีน จะตรงกับปลายเดือนกันยายน หรือต้นเดือนตุลาคมนั่นเอง อาหารเจได้รับการปรับปรุงให้รสชาติดีขึ้นและใกล้เคียงกับรสชาติอาหารปกติ มีเมนูอาหารที่หลากหลาย และรูปลักษณะดูแล้วชวนให้รับประทาน ลบภาพลักษณ์เก่าของอาหารเจไปเลยนะคะ  ด้วยเหตุผลเหล่านี้จึงทำให้คนหันมาทานอาหารเจกันมากขึ้น

แต่หากกล่าวทางหลักโภชนาการ อาหาเจจะทำให้ร่างกายขาดสารอาหารที่เป็นประโยชน์ โดยการขาดโปรตีนจากเนื้อสัตว์ การรับประทานผักเพียงอย่างเดียวก็จะทำให้ขาดกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่ไม่ต้องกังวลไปคะ ปัจจุบันเรามีอผลิตภัณฑ์สำหรับทำอาหารเจและยังสามารถทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้เป็นอย่างดี เช่น ถั่วเหลือง เต้าหู้ เมล็ดเจีย โปรตีนเกษตร เป็นต้น

อย่างไรก็ตามการรับประทาน ❝ อาหารเจ ❞ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อร่างกายคือการรับประทานอาหารแบบหมุนเวียน เพื่อช่วยลดการขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายของเราได้คะ ควรเปลี่ยนรายการอาหารอยู่เป็นประจำ ไม่รับประทานอาหารแบบเดิมๆซ้ำไปซ้ำมาคะ เพียงเท่านี้เราก็สามารถรับประทานอาหารเจได้อย่างมีความสุข ได้ประโยชน์ต่อร่างกาย และมีความสุขที่ได้ทำบุญ ละเว้นบาปไปพร้อมกันด้วยคะ

ข้อมูลอ้างอิง

อาหารเจ ประวัติความเป็นมาของการกินเจ: healthcarethai.com
อาหารเจประวัติความเป็นมาของการกินเจ: manager.co.th
หลักการทานอาหารเจให้ได้ประโยชน์: naturerich.com

Previous articleKPI เข้าใจแล้วได้ประโยชน์
Next articleวิตามินซี..จากธรรมชาติ และวิตามินซี..สังเคราะห์ต่างกันหรือไม่