สภาวะตึงเครียดที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน การเร่งรีบ มลภาวะ รวมทั้งการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่เหมาะสมทำให้เกิดโรคต่างๆตามมามากมาย แต่หนึ่งอาการที่เราพบว่าเกิดบ่อยขึ้นนั้นก็คืออาการปวดศีรษะ นั่นเอง
การปวดศีรษะเป็นการปวดที่เกิดขึ้นบริเวณศีรษะหรือคอส่วนบน เกิดจากเนื้อเยื่อและโครงสร้างรอบกระโหลกศีรษะหรือสมองเกิดการอักเสบ ระคายเคือง จนทำให้เกิดการปวดหัว โดยอาการปวดมาจากเส้นประสาทบริเวรหนังศีรษะ ใบหน้า ปาก คอ กล้ามเนื้อคอ ไหล่ และหลอดเลือดที่ทำหน้าที่ส่งผ่านเลือดไปเลี้ยงสมอง
อาการปวดศีรษะข้างเดียว คือปวดบริเวณขมับ เบ้าต้า รอบๆตา หน้าผาก ด้านใดด้านหนึ่ง ซ้ายหรือขวาเพียงด้านเดียว ซึ่งอาการปวดแบบนี้จะเป็นๆหายๆ หรือเป็นตลอดเวลาได้ ผู้ที่มีอาการปวดศีรษะด้านเดียวมันจะมีลักษณะการปวดหลายแบบ ได้แก่ การปวดตุ้บๆ แบบไมเกรน , การปวดตื้อๆ ตุ๊บๆ ตลอดเวลา และการปวดเสียวแปล๊บๆ แบบปวดเส้นประสาท
อาการปวดศีรษะสามารถเกิดขึ้นด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งสามารถแบ่งประเภทได้ดังนี้
- ปวดศีรษะไมเกรน
- ปวดศีรษะคลัสเตอร์
ปวดศีรษะข้างเดียวแบบปวดเส้นประสาทและน้ำตาไหล ตาแดง (Short-lasting Uni lasteral Neuralgiform Headache attack with Conjunctival injection and tearing : SUNCT)
ปวดศีรษะข้างเดียวแบบปวดเส้นปะรสาท ร่วมกับอาการระบบประสาทอัติโนมัติผิดปกติ (Short-lasting Unilateral Neuralgiform with cranial Autonomic features: SUNA)
ปวดศีรษะข้างเดียวไม่เปลี่ยนข้าง (Paroxysmal hemicranial continua /Hemi cranial continua)
แต่จากการศึกษาพบว่าการปวดศีรษะข้างเดียวที่พบได้บ่อยคือการปวดศีรษะแบบ ไมเกรน (Migraine) เป็นการปวดศีรษะด้านใดด้านหนึ่งเพียงด้านเดียว ผู้ป่วยจะมีอาการปวดศีรษะกำเริบเป็นพักๆ ความปวดจะอยู่ในระดับปานกลาง และมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้ ตากลัวแสง เป็นต้น
ผู้ที่เป็น ไมเกรน นั้นสามารถรักษาได้ คือ
1. หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น ซึ่งมีด้วยกันหลายอย่าง เช่น
- ความเครียด จึงควรหาวิธีผ่อนคลาย เช่น การนวด การฝึกสมาธิ เป็นต้น
- การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของโปรตีนทำให้เกิดการปวดศีรษะขึ้น
- การเจอแสงแดดหรือแสงไฟสว่างเกินไป กลิ่นที่รุนแรง จากน้ำหอม น้ำมันเครื่อง บุหรี่
- อาหารบางชนิด เช่น เนย โยเกิร์ต กล้วย ช็อคโกแลต ไส้กรอก ถั่วต่างๆ ซีอิ๊ว น้ำส้มสายชู ผักดอง ผงชูรส
- สารเคมีในอาหาร เช่น สารให้ความหวานทดแทนน้ำตาล สารกันบูด
- เครื่องดื่ม เช่น ชา กาแฟ (ควรบริโภคสารคาเฟอีนไม่เกิน 200 มิลลิกรัมหรือกาแฟขนาด 8 ออนซ์ 1 แก้ว)
- ประจำเดือน ซึ่งเป็นช่วงที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงทำให้เกิดการปวดศีรษะ
- สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงกระทันหัน ทำให้ร่างกายเกิดความตึงเครียด
- การติดเชื้อเนื่องจากไม่สบายฃ
- เมารถ เมาเรือ
- การอดอาหาร ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเปลี่ยนแปลงส่งผลให้ปวดศีรษเพิ่มากขึ้น
ถ้าคุณมีแนวโน้มที่จะเกิดการปวดศีรษะไมเกรน คุณควรจดบันทึกว่าคุณปวดศีรษะข้างเดียวเมื่อไหร่ คุณทำอะไรก่อนปวดศีรษะ และเกิดนานแค่ไหน
2. รักษาด้วยยา การใช้ยารักษานั้นสามารถแบ่งได้เป็น 2 ช่วง คือ
- ช่วงที่มีอาการปวดศีรษะ ผู้ป่วยมักจะได้รับยาบรรเทาอาการปวดศีรษะที่มีทั้งแบบกินและแบบฉีด ยาที่รู้จักกันดีคือ ยาคาเฟอร์กอท
- ช่วงไม่มีอาการปวดศีรษะเพื่อป้องกันการเกิดอาการของโรค ลดความถี่และความรุนแรงของอาการ ซึ่งมีตัวยาอยู่หลายตัว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ โดยแพทย์จะพิจารณาจากอาการปวดว่าเกิดขึ้นบ่อยเพียงใด ในการปวดแต่ละครั้งกินระยะเวลานานแค่ไหน อาการปวดที่เกิดขึ้นส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันมากน้อยเพียงใด เป็นต้น
การปวดไมเกรน เป็นอาการปวดศีรษะด้านเดียวที่พบบ่อยที่สุด และนับวันผู้ป่วยจะมีอาการรุนแรงมากขึ้น สำหรับผู้ที่ยังมีอาการเพียงเล็กน้อยควรปรับพฤติกรรมของตนเองที่จะกระตุ้นให้อาการรุนแรงมากขึ้น ส่วนผู้ที่มีอาการรุนแรงควรรีบปรึกษาแพทย์สามารถรักษาได้คะ
ข้อมูลอ้างอิง
16 วิธีแก้อาการปวดไมเกรนที่มีประสิทธิภาพสูง: somanao.com
ปวดหัว ปวดศีรษะ (Headache): haamor.com
ปวดศีรษะข้างเดียว อาการปวดศีรษะข้างเดียว (Hemicranial Headache): haamor.com
ไมเกรน (Migraine): haamor.com