อาการน้ำมูกไหล … น้ำมูกมีประโยชน์ต่อร่างกายมาก เพราะทำหน้าที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิวเนื้อเยื่อ ช่วยเพิ่มความชื้นให้กับอากาศและช่วยดักจับเชื้อแบคทีเรีย ฝุ่น สิ่งแปลกปลอมที่ผ่านเข้ามาไม่ให้ลงลึกสู่ปอดได้
โดยปกติน้ำมูกจะมีลักษณะข้นคล้ายกาวและไม่มีสี แต่หากมีการผลิตมากเกินไปก็แสดงว่าร่างกายเริ่มมีสิ่งปกติ และหากน้ำมูกมีสีที่เปลี่ยนไปอาจบ่งบอกว่ามีความผิดปกติเช่นกัน
สาเหตุของการเกิด อาการน้ำมูกไหล
สาเหตุของการเกิดอาการน้ำมูกไหลไม่ว่าจะเป็นสีใสหรือสีใดก็ตามมักเกิดจาก 2 สาหตุ คือ
เกิดจากไข้หวัด เป็นการติดเชื้อไวรัสเนื่องจากร่างกายมีภูมิต้านทาน ร่างกายจึงได้เร่งผลิตน้ำจากเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวเพื่อมาห่อหุ้มผนังเซลล์และเป็นการขับเชื้อไวรัสออกมานั้นเอง จะทำให้เกิดอาการของไข้หวัด เช่น มีไข้ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ครั่นเนื้อครั่นตัว เบื่ออาหาร รวมทั้งมีการทำงานของต่อมภายในโพรงจมูกให้มีการหลั่งน้ำมูก ทำให้มีน้ำมูกใสๆตลอดทั้งวัน แล้วจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเข้มขึ้นเรื่อย หากมีการติดเชื้อรุนแรงและระยะเวลานาน แต่เมื่อเราพักผ่อนเพียงพออาการก็จะดีขึ้นและหายไปเองภายใน 3-4 วัน
เกิดจากการแพ้ หรือภูมิแพ้ ซึ่งเกิดจากการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ ขนสัตว์ ร่างกายจะตอบสนองต่อสารที่แพ้ด้วยการหลั่งฮีสตามีน (Histamine) ทำให้เกิดอาการต่างๆ อย่าง ผื่นคัน หายใจลำบาก คันจมูก น้ำมูกไหล อาการจะเป็นๆหายๆหรือมีอาการเรื้อรังนานเป็นเดือนหรือเป็นปี หากปล่อยให้เป็นนานๆ อาจทำให้เกิดโรคหลอดลมอักเสบ ไซนัสอักเสบ เป็นต้น
สีน้ำมูก บ่งบอกถึงความผิดปกติ
ในกรณีที่น้ำมูกไม่ได้มีสีใส สามามารถบ่งบอกถึงความผิดปกติได้ เช่น น้ำมูกสีเหลือง แสดงว่าร่างกายกำลังต่อสู้กับเชื้อโรค ซึ่งเกิดในระยะแรกของการเป็นหวัด หลังจากนั้นสีจะเข้มขึ้น น้ำมูกสีเขียว เป็นการเกิดปฎิกิริยาของเม็ดเลือดขาวต่อต้านการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราในร่างกาย เมื่อเม็ดเลือดขาวตายก็จะปล่อยสารสีเขียวออกมาเมื่อสารสีเขียวปนกับเสมหะเลยทำให้มีเสมะสีเขียวไปด้วย
การรักษาอาการน้ำมูกไหล ด้วยยาแก้แพ้หรือยาลดน้ำมูก
เมื่อน้ำมูกเกิดจากการแพ้หรือภูมิแพ้ แพทย์มักจะจ่ายยาแก้แพ้หรือยาลดน้ำมูก มีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของฮีสตามีนที่หลั่งในขณะที่เกิดอาการแพ้ ยาในกลุ่มนี้แบ่งได้ 2 กลุ่ม กลุ่มดั้งเดิมเป็นกลุ่มที่ทำให้ง่วง และกลุ่มที่ไม่ทำให้ง่วงนอน
ยาแก้แพ้ในกลุ่มที่มีผลข้างเคียงทำให้ง่วงนอน สามารถยับยั้งการทำงานของฮีสตามีนและการทำงานของสารสื่อประสาทอะเซทิลโคลีน (Anticholinergic) ที่ทำให้ต่อมภายในโพรงจมูกหลั่งน้ำมูกทำให้น้ำมูกลดลง จึงสามารถใช้ได้ทั้งการเกิดน้ำมูกไหลจากไข้หวัดและภูมิแพ้ แต่ยากลุ่มนี้สามารถผ่านเข้าสู่สมองไปกดประสาททำให้เกิดอาการง่วงซึม และอาการอื่นๆ เช่น ปากแห้ง คอแห้ง ตาพร่า ท้องผูก ปัสสาวะคั่ง
ยาแก้แพ้ชนิดที่ไม่ทำให้ง่วงนอน จะออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงายของฮีตามีนแต่ไม่ยับยั้งการทำงานของสารสื่อประสาทอะเซทิลโคลีน ทำให้บรรเทาอาการน้ำมูกไหลเนื่องจากภูมิแพ้ได้ดี ยาในกลุ่มนี้สามารถเข้าสู่สมองได้น้อยกว่าจึงทำให้เกิดอาการง่วงซึมได้น้อยกว่า และมีผลข้างเคียงอื่นๆต่ำ
นอกจากยาแล้วที่ทำให้น้ำมูกหยุดไหล ก็ยังมีวิธีช่วยลดน้ำมูกและทำให้หายใจโล่งขึ้น คือการล้างจมูก โดยใช้เกลือ 0.9% g/mlและกระบอกฉีดยาที่ไม่มีเข็มขนาด 10-20 mL โดยการดูดน้ำเกลือ แล้วก้มหน้า กลั้นหายใจ สอดกระบอกฉีดยาเข้ารูจมูก แล้วฉีดน้ำเกลือเข้าในจมูก แล้วสั่งน้ำมูกออกเบาๆ ทำซ้ำจนกว่าจะรู้สึกว่าจมูกโล่ง ทำสลับกับจมูกอีกข้างหนึ่ง นิยมทำกันวันละ 2 ครั้ง คะ การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือยังทำให้น้ำมูกไม่คั่งค้างอยู่ในจมูกหรือไหลย้อยกับไปในโพรงไซนัส อันส่งผลให้เกิดไซนัสอักเสบภายหลังได้
น้ำมูกอาจจะดูเหมือนสิ่งสกปรกแต่ก็มีประโยชน์ต่อร่างกายกายมนุษย์อย่างยิ่ง การรักษาอาการน้ำมูกไหลนั้นเราก็จะดูจากสาเหตุที่ทำให้เกิดและจะได้รักษาได้ตรงจุด และหากมีอาการน้ำมูกไหลเรื้อรังควรปรึกษาแพทย์นะคะ
ข้อมูลอ้างอิง
รู้จักยาแก้ภูมิแพ้ ยาต้านฮีสตามีน (Antihistamines) : clinicherbs.com
น้ำมูกไหล ทำไมเภสัชจ่ายยาแก้แพ้ : pharmacy.mahidol.ac.th
น้ำมูกและเสมหะ : reocities.com
สีน้ำมูกบ่งบอกอะไร : tartoh.com