3 วิธีเลือกครีมกันแดดทาหน้าให้ปัง ไม่เกิดฝ้าเพิ่ม

1014

ครีมกันแดดทาหน้า อาวุธคู่กายของคนทุกเพศทุกวัย เพราะรังสียูวีที่ทำร้ายผิวนั้นมีอยู่ทุกที่ ไม่ใช่แค่จากแสงแดดเพียงอย่างเดียว แต่แสงไฟในอาคารหรือแสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็มีส่วนในการทำร้ายผิวไม่แพ้กัน ดังนั้นการเลือกซื้อครีมกันแดดคงไม่ใช่เพียงแค่การหาครีมอะไรก็ได้มาทาเพื่อปกป้องผิว แต่เรายังต้องทำความรู้จักให้ลึกซึ้ง ทั้งสภาพผิวของเราเองและครีมกันแดดที่เลือกใช้

ครีมกันแดดทาหน้า

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับบริเวณใบหน้าซึ่งอ่อนโยนกว่าบริเวณอื่นๆ เป็นพิเศษด้วยแล้ว สาวๆ ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อเข้าไปใหญ่ แต่จะเลือกยังไงให้ปัง ใช้แล้วสามารถปกป้องผิวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพโดยไม่ทำให้เกิดฝ้าเพิ่ม วันนี้เรามีคำตอบมาฝากแล้ว

ปกป้องผิวได้จากทุกรังสียูวี

อันดับแรกที่เราอยากให้สาวๆ หันมาให้ความสำคัญในการเลือกซื้อครีมกันแดดทาหน้า กล่าวคือจะต้องเป็นครีมกันแดดที่สามารถปกป้องได้ทั้งรังสียูวีเอและบี (Broad-Spectrum) โดยทั่วไปในท้องตลาดครีมกันแดดพบว่ามักจะปกป้องได้เพียงแค่รังสียูวีบี หรือทำหน้าที่ป้องกันแค่ผิวหนังไหม้ แต่ไม่ได้ป้องกันมะเร็งผิวหนังและผิวแก่ก่อนวัยอันควรเหมือนครีมกันแดดที่ปกป้องได้ทั้งรังสียูวีเอและบีนั่นเอง

ประสิทธิภาพในการปกป้องผิว (SPF) ก็สำคัญ

นอกจากจะให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพการปกป้องผิวจากรังสีทั้งยูวีเอและยูวีบีแล้ว ค่า SPF ในการปกป้องแสงแดดก็สำคัญ หากเป็นวันสบายๆ ทำกิจกรรมในร่ม ครีมกันแดดทาหน้าที่สาวๆ เลือกใช้ควรมีค่า SPF15 ขึ้นไป แต่ถ้าหากเป็นวันที่ต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานานๆ ควรอัปเกรดค่า SPF ให้อยู่ที่ 30-50 โดยแนะนำให้ทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง ซึ่งปัจจุบันครีมกันแดดประสิทธิภาพดีก็ผลิตออกมาหลากหลายรูปแบบ สาวๆ อาจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดรูปแบบสเปรย์ในการพ่นทับ เพื่อความคล่องตัว แต่ก็ยังสามารถปกป้องผิวจากแสงแดดได้อย่างดีเยี่ยมอยู่

กันน้ำได้ก็จะดีมาก

นอกจากความรุนแรงของแสงแดดเมืองไทยที่ทำให้สาวๆ ต้องหาครีมกันแดดทาหน้ามาปกป้องผิวกันยกใหญ่แล้ว คงจะดีกว่ามากถ้าหากผลิตภัณฑ์กันแดดที่สาวๆ เลือกใช้จะมีคุณสมบัติในการกันน้ำ (Water Resistant) ได้ในอีกระดับ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับสาวๆ ที่เหงื่อออกง่าย หรือสำหรับคนที่ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้งอย่างว่ายน้ำ ประสิทธิภาพของครีมกันแดดทาหน้าที่กันน้ำนี้จะสามารถกันน้ำหรือเหงื่อได้ประมาณ 40-80 นาที แต่ด้วยความที่มีคุณสมบัติกันน้ำเป็นพิเศษ สาวๆ ควรให้ความสำคัญกับการล้างทำความสะอาดเมื่อหมดวันด้วย ป้องกันการทิ้งสารเคมีตกค้างบนชั้นผิวให้เป็นปัญหาตามมาในภายหลัง

Previous articleส้มเช้งอวดลูกสาว แถมสวยไม่แพ้แม่อีกต่างหาก
Next articleจ่อจับหม่อมถนัดแดก ทารุณสัตว์หรือผิด พรบ.คอมพิวเตอร์