Local SEO (Local Search Engine Optimization) คือการสร้างและเพิ่มประสิทธิภาพให้เว็บไซต์ของคุณ เพื่อที่จะให้คนเห็นมากขึ้น เมื่อผู้ใช้เสิร์จในโปรแกรมค้นหาต่างๆด้วยคีย์เวิร์ดที่มีความสอดคล้องกับเว็บไซต์และธุรกิจของคุณ บริษัท SEO ควรจะเน้นเรื่องการทำ Local SEO
4 แนวทางที่สำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพให้เว็บไซต์ของคุณ
ตอนนี้คุณรู้กันแล้วว่า Local SEO คืออะไร เรามาดูวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพให้เว็บไซต์ของคุณที่ถูกต้องและควรทำ เพื่อให้คนเห็นเว็บไซต์ของคุณมากขึ้น คุณสามารถใช้ 4 วิธีนี้เพื่อที่จะติดอันดับบนกูเกิ้ลได้ดีขึ้น
ทำให้เว็บไซต์ของคุณใช้งานได้และใช้งานได้ดีบนมือถือ
เมื่อเว็บไซต์เปิดการใช้งานบนมือถือได้แล้ว การดูเว็บไซต์บนเครื่องอิเล็กโทรนิกส์ต่างๆจะไม่มีปัญหา เนื่องจากการจัดแสดงหน้าผลลัพธ์สามารถปรับเปลี่ยนขนาดได้ตามเครื่องที่คุณใช้ และทำให้ผู้ใช้มีประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้น
ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ใช้มือถือในการเสิร์ชหาธุรกิจต่างๆ การวิจัยของ BrightLocal พบว่า 77% ของผู้ใช้มือถือในการค้นหาธุรกิจในบริเวณใกล้เคียง
วิธีการดูว่าเว็บไซต์คุณใช้งานบนมือถือได้หรือไม่ ให้ใช้การตวจสอบ technical SEO หรือ Google’s Mobile-Friendly Test วิธีนี้คือกูเกิ้ลจะสแกนและตรวจสอบเว็บไซต์ของคุณเพื่อที่จะบอกวิธีการทำให้เว็บไซต์คุณใช้ง่ายขึ้นบนมือถือ ถ้าเว็บไซต์คุณไม่ถึงมาตรฐานการใช้งานบนมือถือ
สร้างแหล่งอ้างอิงให้ธุรกิจของคุณ
Google My Business ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดในการสร้างแหล่งอ้างอิงสำหรับ Local SEO แต่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญในการดึงดูดผู้คนให้มาเข้าชมเว็บไซต์คุณ
Business Citation หรือการอ้างอิงธุรกิจ คือการใส่ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทในออนไลน์แพลตฟอร์ม เช่น ชื่อ, เบอร์โทรศัพ และที่อยู่ การอ้างอิงธุรกิจนั้นมีความสำคัญ เนื่องจากข้อมูลที่คุณกรอก สามารถบอกกูเกิ้ลได้ว่าธุรกิจคุณมีความน่าเชื่อถือ ข้อมูลเหล่านี้จะปรากฎบนเว็บไซต์ใหญ่ๆ เช่น
- Yelp
- Angie’s List
- Yellow Pages
- Citysearch
- Foursquare
- TripAdvisor
- MapQuest
- Apple Maps
สร้าง Title tags และ Meta description เมื่อผู้ใช้งานทำการค้นหาจะช่วยแสดงผลลัพธ์ให้ปรากฎที่อยู่และประเภทธุรกิจของคุณได้
Title tags กับ Meta description คือ Meta tags หรือโค๊ดที่ใส่เข้าไปในส่วนหลังของเว็บไซต์ของคุณ เพื่อที่จะช่วยให้โปรแกรมค้นหาเข้าใจว่าเว็บไซต์คุณนั้นเกี่ยวกับอะไร
วิธีการเพิ่มประสิทธิภาพของ title tags และ Meta description
- ในหน้าแรกของการกรอกข้อมูล meta description ใส่ข้อมูล เช่น เขต, อำเภอ, เมือง และประเภทของธุรกิจ ในทั้งส่วนของ meta title และ description
- ในหน้าที่อยู่ กรอกอยู่ข้อมูลเช่น เมืองและประเภทของธุรกิจ ทั้งในทั้งส่วนของหัวข้อและรายละเอียดเนื้อหา
- ตั้งค่าว่า tags ทั้งหมดไม่ควรเกิน 60 ตัวอักษร
- ตั้งค่าว่า meta description ไม่ควรเกิน 320 ตัวอักษร
ตั้งค่าเว็บไซต์คุณให้ผู้ใช้ใกล้เคียงหาได้ด้วยคีย์เวิร์ด
นอกจากที่กล่าวไว้ข้างบนว่าควรตั้งค่าหน้าสำคัญในเว็บไซต์ของคุณให้มีประเภทของธุรกิจและที่อยู่แล้ว คุณยังควรที่จะตั้งค่าหน้าที่เหลือโดยใช้คีย์เวิร์ดที่คนใช้ในการเสิร์ชกันมาก
คุณควรที่จะใช้คีย์เวิร์ดที่คนนิยมใช้กันมากในบริเวณใกล้เคียงธุรกิจของคุณนั้นรวมทั้งคีย์เวิร์ดที่มีความเฉพาะเจาะจงสูง และที่อยู่ นอกจากนั้นแล้วคุณควรจะใช้ คีย์เวิร์ดที่คนใช้เยอะแต่ไม่มีคู่แข่งของคุณใช้หรือคู่แข่งของคุณใช้น้อย เพื่อที่จะเพิ่มผู้เข้าชมและผู้ซื้อในบริเวณใกล้เคียงให้กับเว็บไซต์ของคุณ