เมื่อพูดถึงมหกรรมกีฬา โอลิมปิกฤดูหนาว น่าจะคิดถึงการลงทำการแข่งขันกีฬาท่ามกลางสภาพอากาศที่เย็นยะเยือก และหิมะขาวโพลนอันหนาวเหน็บ แต่ด้วยสภาวะโลกร้อนที่มวลมนุษยชาติกำลังเผชิญหน้ากันอยู่ในทุกวันนี้ ทำให้แฟนกีฬาทั่วโลกอดสงสัยไม่ได้ว่า มหกรรม โอลิมปิกฤดูหนาว จะจัดการแข่งขันอย่างไรถ้าหากอุณหภูมิของโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต
ย้อนกลับไปในมหกรรมกีฬา โอลิมปิกฤดูหนาว เมื่อปี 2010 ที่ประเทศแคนาดา พวกเขาต้องพบกับปัญหาน่าปวดหัวเมื่อไม่มีหิมะมากเพียงพอในการลงทำการแข่งขันกีฬาประเภทสกีและสโนว์บอร์ด หลังจากอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมมากถึง 5 องศาเซลเซียส จนต้องทำการสั่งซื้อหิมะเข้ามาจากต่างประเทศ เช่นเดียวกับมหกรรมกีฬา โอลิมปิกฤดูหนาว เมื่อปี 2014 ที่ประเทศรัสเซีย ที่มีอุณหภูมิสูงถึง 10 องศาเซลเซียส นับเป็น โอลิมปิกฤดูหนาว ที่มีอุณหภูมิสูงที่สุดในประวัติศาสตร์
สำหรับการจัดแข่งขัน โอลิมปิกฤดูหนาว ในปี 2022 จะถูกจัดการแข่งขันขึ้นที่ประเทศจีน แม้ว่าจะมีอุณหภูมิ -1 องศาเซลเซียส แต่ปริมาณหิมะที่ไม่มากพอ ก็อาจจะทำให้การแข่งขันเป็นไปแบบไม่ราบรื่นเท่าไรนัก จนบรรดาเจ้าภาพร่วมอย่าง นอร์เวย์, สวีเดน, ยูเครน และ โปแลนด์ พากันถอนตัวกันหมดเพราะพวกเขาไม่ได้รับการสนับสนุนที่มากพอ แถมยังอาจจะต้องสูญเสียงบประมาณในการจัดการแข่งขันเป็นจำนวนมหาศาล
นั่นทำให้มีความเป็นไปได้สูงว่า การจัดแข่งขัน โอลิมปิกฤดูหนาว ในครั้งต่อไปอาจจะต้องวนกลับไปจัดในเมืองที่เคยเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขัน เพื่อให้สภาพแวดล้อมมีความเหมาะสมกับการจัดการแข่งขันกีฬาในฤดูหนาว และไม่เป็นการเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ พร้อมรณรงค์ให้การจัดการแข่งขัน โอลิมปิกฤดูหนาว ตั้งแต่ปี 2030 เป็นต้นไป จะต้องจัดการแข่งขันแบบอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศให้มากที่สุด ทั้งทางตรงและทางอ้อม
