การเลี้ยงปลาคราฟ ปลาในตำนานที่มีอายุยืนยาวที่สุดในโลก … ปลาคราฟ มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า ปลาแฟนซีคราฟ เป็นปลาที่นิยมเลี้ยงกันอย่างแพร่หลาย เพราะปลาคราฟมีสีสันที่สวยงาม เลี้ยงง่าย โตเร็ว แถมอายุยืนอีกด้วย
มีเรื่องเล่าถึงปลาคราฟสีแดงที่ชื่อ “ฮานาโกะ” ของนายแพทย์คนหนึ่ง ที่เมืองกิฟุ ประเทศญี่ปุ่น เป็นปลาคราฟที่มีอายุยืนยาวมากที่สุดในโลก “ฮานาโกะ” เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1751 และมีชีวิตอยู่จนถึงวันที่ 7 กรกฏาคม ค.ศ. 1977 รวมอายุได้ถึง 266 ปีเลยทีเดียว ปลาคราฟจึงเป็นตำนานความเชื่อในเรื่องของการมีอายุยืนยาวของญี่ปุ่นตลอดมา
ฮานาโกะ ปลาคาร์ฟอายุยืนที่สุดในโลก (ภาพจาก marumura.com)
ประวัติความเป็นมาของ การเลี้ยงปลาคราฟ
ปลาคราฟเป็นปลาน้ำจืดที่จัดอยู่ในกลุ่มปลาตะเพียน มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศอิหร่าน แต่ชาวจีนเป็นผู้เริ่มศึกษาเรื่องปลาคราฟมานานกว่า 2,000 ปีแล้ว ส่วนชาวญี่ปุ่นเพิ่งศึกษาเกี่ยวกับปลาคราฟได้เพียง 200 ปีหลังคริสต์ศตวรรษ โดยนิยมเลี้ยงไว้ดูเล่น และต่อมาได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ให้มีสีสันสวยงามมากขึ้น ซึ่งศูนย์กลางการเลี้ยงปลาคราฟ จะอยู่บริเวณแถบเขาเมืองโอจิยะ และเมืองฮิโรชิมา สำหรับประเทศไทยได้เริ่มมีการเลี้ยงปลาคราฟตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 โดยการนำเข้ามาจากญี่ปุ่น ซึ่งตอนนั้นมีราคาค่อนข้างสูงมาก ต่อมาในปี พ.ศ. 2498 พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล ได้ทรงนำมาเลี้ยงเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ และตั้งชื่อปลาคราฟนี้ว่า “ปลาอมรินทร์”
สายพันธ์ปลาคราฟที่นิยมเลี้ยง
การเลี้ยงปลาคราฟ จะนิยมเลี้ยงกันอยู่ 13 สายพันธุ์หลักๆ ดังนี้
- Kohoku (โคฮากุ) เป็นปลาคราฟที่นิยมเลี้ยงกันมากที่สุด ปลาจะมีสีขาวและสีแดง และสีต้องคมชัด
- Taisho Sanke (ไทโชซันเก้) เป็นปลาคราฟ 3 สี คือ สีขาว สีแดงและสีดำ สีดำบนตัวปลานั้นต้องดำสนิท ไม่ควรมีสีดำบนส่วนหัว และไม่ควรมีสีแดงที่ส่วนครีบและหาง
- Showa Sanshoku (โชวา ซันโชกุ) เป็นปลาคราฟ 3 สี เหมือนกับสายพันธุ์ไทโชซันเก้ แต่จะแตกต่างกันคือ สีขาวและสีแดงจะรวมตัวอยู่บนสีดำขนาดใหญ่ และมีสีดำเชื่อมต่อกับครีบและลำตัวเป็นรูปตัววาย
- Utsuri Mono (อุจิริ โมโน) เป็นปลาคราฟที่มีสีดำพาดผ่านตัวปลาบนพื้นสีอื่นๆ
- Bekko (เบคโกะ) เป็นปลาคราฟที่มี 2 สี เป็นลายจุดดำแต้มอยู่บนพื้นสีอื่นๆ จุดดำจะมีขนาดไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป
- AsagiShusui (อาซากิ ชูซุย) เป็นปลาคราฟสายพันธุ์ที่มาจากปลาไนโดยตรง มีเกล็ดสีฟ้าเรียงตัวกันอย่างสวยงาม
- Koromo (โกโรโมะ) เป็นปลาคราฟที่ผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างอาซากิ ชูซุยกับสายพันธุ์อื่นๆ มีเกล็ดสีน้ำเงินกระจายอยู่บนลำตัว
- Ogon (โอกอน) เป็นปลาคราฟที่มีสีลำตัวสว่างไสว โดยปราศจากลวดลายใดๆ
- HikariMoyo (ฮิการิ โมโย) เป็นปลาคราฟ 2 สี หรือมากกว่า โดยจะมี 1 สีที่แวววาวเหมือนโลหะ
- HikariUtsuri (ฮิการิ อุจิริ) เป็นปลาคราฟที่มีลายสีดำพาดไปตามลำตัวเหมือนกับ อุจิริ โมโน และมีความแวววาวเหมือนโลหะ
- Kinginrin (คินกินริน) เป็นปลาคราฟที่มีประกายเงินหรือประกายทองอยู่บนเกล็ด และเกล็ดจะดูเหมือนไข่มุก
- Tancho (ตันโจ) เป็นปลาคราฟที่มีสีแดงอยู่บนหัวเพียงที่เดียว ซึ่งอาจเป็นรูปทรงกลมหรือรูปอื่นๆก็ได้
- Kawari Mono(คาวาริ โมโน) เป็นปลาคราฟที่ไม่มีลวดลายที่แน่นอน ต่างจากสายพันธุ์อื่นๆ โดยจะมีลวดลายใหม่ๆเกิดขึ้นทุกปี
แฟนซีคาร์พ กำเนิดมาจากการกลายพันธุ์ ของ Magoi เมื่อประมาณ 200 ปีที่แล้ว ปัจจุบันมีการผสมและคัดสายพันธุ์จนมีมากกว่า 80 สายพันธุ์ (ภาพและข้อมูลจาก bloggang.com)
เทคนิคการเลี้ยงปลาคราฟให้โตเร็ว
- การเลี้ยงปลาคราฟในบ่อปูน การเลี้ยงปลาคราฟให้โตเร็วควรเลี้ยงในบ่อปูนซีเมนต์ เพราะจะเกิดตะไคร่น้ำได้เร็วและกลายเป็นบ่อแบบธรรมชาติแบบง่ายๆ การตั้งบ่อควรอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ อย่าตั้งไว้กลางแจ้ง จะทำให้ปลาคราฟมีสีสันจืดลง และทำให้โตช้าด้วย และควรติดตั้งระบบการหมุนเวียนของน้ำ เพื่อเพิ่มออกซิเจนในน้ำให้เพียงพอ
- น้ำที่ใช้เลี้ยงปลาคราฟควรเป็นน้ำประปาเพราะมีสภาพเป็นกลาง หากใช้น้ำฝนจะทำลายสีของปลาได้ และอาจเกิดโรคกับปลาคราฟได้ง่าย หากจะใช้น้ำอื่นที่ไม่ใช่น้ำประปา ต้องใส่ยาฆ่าเชื้อและปูนขาวเพื่อปรับสภาพน้ำให้เป็นกลางเสียก่อน
- อาหารที่ใช้เลี้ยงปลาคราฟ จะเป็นพวกเนื้อปลาป่น เนื้อกุ้งบด เนื้อปู เนื้อปลาหมึก ข้าวสาลี รำข้าว ผักกาดขาว สาหร่าย ตะไคร่น้ำ หนอนแดง ขนมปัง หรือจะเป็นอาหารเม็ดสำเร็จรูปก็ได้ การให้อาหารควรให้ในปริมาณที่เหมาะสมไม่มากหรือน้อยจนเกินไป ให้วันละ 2 เวลา เช้าและเย็น และควรให้ตรงตามเวลา ปลาคราฟจะเกิดความเคยชินและเชื่อง
- การเปลี่ยนน้ำควรเปลี่ยนทันทีที่บ่อเริ่มขุ่น โดยถ่ายน้ำออกประมาณ 1 ใน 3 ของบ่อ น้ำประปาที่ใช้ควรพักทิ้งไว้ประมาณ 2-3 วันรอให้คอรีนจางไปก่อน อย่าใช้น้ำประปาที่รองจากก๊อกใหม่ๆ และควรรักษาอุณหภูมิในบ่อปลาคราฟให้อยู่ประมาณ 20-25 องศา หากบ่อร้อนหรือเย็นมากเกินไปจะทำให้ปลาคราฟโตช้า
ข้อมูลอ้างอิง
ปลาคาร์พ หรือปลาแฟนซีคาร์พ (Fancy Carp) : pet.kapook.com
วิธีเลี้ยงปลาคาร์ฟ : placarpthai.wordpress.com