“บิ๊กป้อม” เป็นประธานโอลิมปิกไทย สมัยที่ 2 “เสธ.น้อย” ขึ้นเลขาธิการฯ

91

ประธานโอลิมปิกไทย

ตามความคาดหมาย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ สมัยที่ 2 ขณะที่ “เสธ.น้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นเลขาธิการฯ คนใหม่แทน “บิ๊กจา” พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ เป็นประธานการประชุมสมัชชาใหญ่สามัญ ประจำปี 2563 คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ ที่ห้องประชุมชั้น 25 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหาร, กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ, ประธานที่ปรึกษา และผู้แทนสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย ที่เป็นสมาชิกของคณะกรรมการโอลิมปิกฯ จำนวน 61 คน จาก 68 คน เข้าร่วมการประชุม

ในส่วนของวาระสำคัญของการประชุม เป็นการเลือกตั้งกรรมการบริหารชุดใหม่ จำนวน 25 คน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ อีก 10 คน โดยการเลือกตั้งครั้งนี้มี ศ.(พิเศษ) เจริญ วรรธนะสิน เป็นประธานเลือกตั้ง และ พล.ร.อ.อภิวัฒน์ ศรีวรรธนะ เป็นกรรมการนับคะแนน ปรากฏว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่นที่สมาชิกในประชุมได้เสนอรายชื่อกรรมการบริหารชุดใหม่ครบทั้ง 25 คน โดยไม่ต้องมีการลงคะแนนเลือกตั้งแบบลับ

จากนั้นกรรมการบริหารและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้ง 25 คน ได้ประชุมจัดสรรตำแหน่งสำคัญ ๆ สรุปได้ดังนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธานโอลิมปิกฯ สมัยที่ 2 ติดต่อกัน, “เสธ.น้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นเลขาธิการฯ คนใหม่ แทน “บิ๊กจา” พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ ที่ขึ้นไปเป็นประธานกิตติมศักดิ์ตลอดชีพฯ คู่กับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา และ “บิ๊กต้อม” นายธนา ไชยประสิทธิ์ เป็นรองประธานและเหรัญญิก เป็นต้น

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้สรุปงบแสดงรายได้-รายจ่ายประจำปี สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 ปรากฏว่า มีรายได้รวม 27,131,575.17 บาท มีรายจ่ายรวม 15,101,746.71 บาท สรุปมีรายได้รวมมากกว่ารายจ่ายรวม 12,029,828.46 บาท

Previous article“เจ็ตสกีโปรทัวร์” เปิดฤดูกาล “เลิศพงศ์” เบียดคว้าแชมป์รุ่นใหญ่
Next articleแข่งรถ Thailand Super Series 2021 ล้างตาสนาม 2-3 ที่บุรีรัมย์