ผ้าปูที่นอน เลือกซื้ออย่างไร คุณสมบัติของผ้าแต่ละชนิด

1042

มีที่นอนนุ่มๆ แล้วก็คงต้องมี ผ้าปูที่นอน สวยๆ สักผื่น ตามท้องตลาดมีผ้าปูที่นอนจำหน่ายกันหลายยี่ห้อ หลายราคา  และก็หลายลวดลาย ให้เราเลือกซื้อเลือกหามาประดับไว้บนเตียง แล้วเราจะเลือกซื้อผ้าปูที่นอนอย่างไรให้ได้ของดี มีวิธีง่ายๆ คะ

ผ้าปูที่นอน

ผ้าปูที่นอนเลือกซื้ออย่างไร คุณสมบัติของเนื้อผ้าแต่ละชนิด

ชนิดของผ้าที่นิยมมาทำ ผ้าปูที่นอน

เริ่มจากการรู้จักกับชนิดของผ้าที่นิยมนำมาผลิตผ้าปูที่นอนกัน ผ้าปูที่นอนมักทอมาจากผ้าหลากหลายชนิดซึ่งแต่ละชนิดก็จะมีคุณสมบัติ คุณภาพ และให้ผิวสัมผัสต่างกัน เราสามารถพบเจอผ้าปูที่นอนที่วางขายตามท้องตลาดทั่วไปได้หลายเนื้อผ้า เช่น

  • ผ้าฝ้าย (cotton) เป็นผ้าที่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ 100% มีเนื้อสัมผัสที่นุ่มสบาย ถ่ายเทอากาศได้ดี ไม่ทำให้รู้สึกร้อนขณะนอนหลับ มีความคงทน และดูแลรักษาง่าย ผ้าฝ้ายที่มีคุณภาพดีที่สุดได้แก่ Egyptian cotton และ Pima cotton ซึ่งมีเส้นใยเหนียวแน่นและทนทาน
  • ผ้าฝ้ายผสมใยสังเคราะห์ (poly-cotton) เป็นผ้าที่มีเนื้อผสมระหว่างผ้าฝ้ายและใยสังเคราะห์ การระบายอากาศจะไม่ดีเทียบเท่าผ้าฝ้าย แต่จะยับได้ยากกว่าและมีราคาที่ถูกกว่าผ้าฝ้าย
  • ผ้าซาติน (satin) เนื้อผ้าค่อนข้างหนา มีน้ำหนักทิ้งตัวดี มีเนื้อสัมผัสที่เนียนลื่น เย็นสบายผิว และดูหรู แต่ไม่ทนทานเท่ากับผ้าชนิดอื่นๆ
  • ผ้าไหม (silk) ให้ความรู้สึกหรูหรา นุ่มละมุนยามสัมผัส เป็นมัน เหนียวยืดหยุ่นตัวดี ดูดซับความชื้น แต่มีราคาสูง ดูแลทำความสะอาดยาก น้ำหนักเบาและค่อนข้างยับง่าย นิยมนำไปมอบเป็นของขวัญสำหรับคู่แต่งงานใหม่
  • ผ้าสักหลาด (flannel) เป็นผ้าที่ผสมระหว่างขนสัตว์กับผ้าฝ้ายหรือผ้าใยสังเคราะห์ เนื่องจากมีความหนาและให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายได้ดี จึงเป็นที่นิยมใช้ในเขตที่มีอากาศหนาว สำหรับเมืองไทยจึงไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่านัก

วิธีการทอผ้าปูที่นอน

เมื่อเราทราบคุณสมบัติของผ้าชนิดต่างๆที่นำมาผลิตผ้าปูที่นอนแล้ว ก็ต้องไปพิจารณากันถึงวิธีการทอซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบคะ คือ

  • ทอแบบลายขัด (Plain) เนื้อผ้าที่ได้จาการทอแบบนี้จะไม่ขึ้นเงาแต่จะมีเนื้อแน่น  ผ้าจึงมีเนื้อสัมผัสที่แข็ง แต่ผ้าชนิดนี้จึงมีความแข็งแรงทนทาน มีอายุการใช้งานนาน และ
  • ทอแบบขึ้นเงา (Satin/Sateen) เนื้อผ้าที่ได้จะขึ้นเงา การทอแบบนี้ทำให้เส้นด้ายมีเนื้อที่ในการตกกระทบของแสงมากกว่าแบบแรก จึงทำให้เห็นว่าผ้าขึ้นเป็นเงา  การทอแบบนี้จะทำให้เนื้อผ้านุ่ม ลื่น แต่มีอายุการใช้งานสั้นและไม่คงทน เนื่องจากเส้นด้ายมีเนื้อที่มากขึ้นในการกระทบกับแสง จึงทำให้ในการซัก ทำความสะอาด เส้นด้ายจะสัมผัสกับน้ำยาซักผ้า การขัด การถู และการปั่น โดยตรง

และอีกหนึ่งคุณสมบัติที่จะทำให้ผ้าปูที่นอนมีความนุ่ม และ ทนทาน ก็คือ จำนวนเส้นด้ายในการทอต่อ 1 ตารางนิ้ว (Tread Count) โดยตามหลักมาตรฐานของสิ่งทอในการนับจำนวนความหนาแน่นของเส้นด้ายนั้นจะนับจำนวนเส้นด้ายแนวนอน+จำนวนเส้นด้ายแนวตั้ง ในพื้นที่ 1 ตารางนิ้วคะ จำนวนที่มากหรือน้อยใน 1 ตารางนิ้วจะมีผลต่อราคาของผ้าปูที่นอน ยิ่งถ้ามีความหนาแน่นของเส้นด้ายมาก แสดงว่าเนื้อผ้ามีความหนาแน่นมากราคาก็จะสูงตามผ้าปูที่นอนที่ดีควรมีเส้นด้ายไม่ต่ำกว่า 350 เส้นด้ายต่อตารางนิ้ว แต่ผ้าปูที่นอนส่วนมากมักมีเส้นด้ายอยู่ที่ประมาณ 180-300 เส้นด้ายต่อตารางนิ้ว เท่านั้นเองคะ

ถึงแม้ผ้าปูที่นอนจะมีจำนวนเส้นด้ายมากเพียงใดแต่คุณภาพของเส้นด้ายไม่ดี ผ้าปูที่นอนก็จะให้ผิวสัมผัสไม่นุ่มสบาย จึงต้องนำองค์ประกอบทุกอย่างมาพิจารณาร่วมกันคะ แต่สิ่งสำคัญยิ่งไปกว่านั้นผ้าปูที่นอนจะน่าใช้ น่านอนก็ควรเป็นผ้าปูที่นอนที่สะอาด ไม่เป็นที่พักอาศัยของไรฝุ่น  นอนหลับสบายแถมยังสุขภาพดีอีกด้วย

ข้อมมูลอ้างอิง
ครบเครี่องเรื่องที่นอ ตอนที่ 3 วิธีการเลือกซื้อผ้าปูที่นอนที่ถูกวิธี : 2madames.com
สเต็ปง่ายในการเลือกผ้าปูที่นอน : ddproperty.com
เคล็ดลับดีๆเลือกซื้อผ้าปูที่นอนที่ถูกวิธี : thelovelyair.com

Previous articleรักแร้ดำ ทำไงดี วิธีป้องกันและการรักษา ปัญหาใหญ่ของสาวๆ
Next articleสมุนไพรรักษามะเร็ง หายได้โดยไม่ต้องใช้รังสีหรือเคมีบำบัด