ครีมกันแดด ทุกวันนี้เราต้องเผชิญกันมลภาวะทางแสงอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะแสงแดดกลางแจ้งที่นับวันจะยิ่งร้อนแรงขึ้น หรือแม้แต่ในอาคารเอง เราก็ยังไม่สามารถหลบพ้นกับแสงจากหลอดไฟ หน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งคุณทราบไหมคะว่าแสงต่างๆเหล่านี้เป็นตัวการที่ทำลายผิวเราให้เสื่อมเร็วขึ้นคะ เพื่อเป็นการป้องกันผิวให้ปลอดภัยจากรังสีของแสง “ครีมกันแดด”จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งคะ
มีส่วนผสมของ ทำหน้าที่ป้องกันรังสียูวีเอ และรังสียูวีบี รังสีเหล่านี้จะทำให้ผิวเราคล้ำลง ทำให้เกิดอนุมูลอิสระ เกิดรอยเหี่ยวย่น ทำให้เกิดการอักเสษในระดับเซลล์ผิวหนัง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เองที่จะทำให้เราดูแก่ก่อนวัย และยิ่งกว่านั้นแสงแดดยังทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วยคะ
หลักการเลือกครีมกันแดดก็ไม่ยากคะ
1. ดูที่ค่าเอสพีเอฟ และ ค่าพีเอ ที่แสดงอยู่บนฉลากผลิตภัณฑ์ว่าเหมาะสมกับกิจกรรมหรือการใช้ชีวิตประจำวันหรือ
- ไม่ค่าเอสพีเอฟ (Sun Protection Factor/SPF) เป็นค่าแสดงความสามารถในการป้องกันรังสียูวีเอ ที่สามารถแทรกถึงผิวชั้นล่างได้ ทำลายเนื้อเยื่อและดีเอ็นเอของเซลล์ผิว รังสียูวีเอเป็นตัวทำลายคอลลาเจนและความชุ่มชื้นของผิวหนัง ทำให้ผิวแห้งและเกิดริ้วรอย ผ้า กระ ผิวหมองคล้ำ และมะเร็ง การปกป้องผิวจากรังสียูวีเอนั้นจะต้องดูที่พื้นผิวของแต่ละคน เช่น คนผิวขาวจะผิวแดงได้เร็วกว่าคนผิวคล้ำ เช่น SPF 30 หมายความว่า ระยะเวลาที่ทำให้ผิวแดงเมื่อเทียบกับตอนที่เรายังไม่ได้ทาครีมกันแดนานกว่า 30 เท่า
– SPF 2 สามารถป้องกันแสงแดดได้ 50 %
– SPF 20 สามารถป้องกันแสงแดดได้ 65 %
– SPF 30 สามารถป้องกันแสงแดดได้ 96.7 %
– SPF 50 สามารถป้องกันแสงแดดได้ 98 % - ค่าพีเอ (Protection Grade of UVA/PA) เป็นค่าแสดงความสามารถในการป้องกันรังสียูวีบี ซึ่งสามารถทะลุผ่านผิวหนังกำพร้าได้เท่านั้น จะทำให้ผิวหนังแดงหรือไหม้ ค่าพีเอจะแสดงเป็นตัวเลขและตามด้วยเครื่องหมาย + ซึ่งคือค่อความสามารถในการปกป้องผิวโดยวันเป็นเท่าของการเกิดผิวคล้ำดำ โดยมีค่าอยู่ 4 ระดับ
– PA+ สามารถป้องกันรังสีได้ 1-4 เท่าของผิวปกติ
– PA++ สามารถป้องกันรังสีได้ 4-8 เท่าของผิวปกติ เหมาะสำหรับการอยู่ในที่ร่ม
– PA+++ สามารถป้องกันรังสีได้ 8-16 เท่าของผิวปกติ
– PA++++ สามารถป้องกันรังสีได้ 16 เท่าขึ้นไป ซึ่งเหมาะสำหรับการอยู่กลางแดดตลอดเวลา
ค่าพีเอ ไม่ใช่ค่าสากล เป็นเพียงค่าที่ประเทศญี่ปุ่นคิดขึ้นมาก ด้วยเหตุนี้จะไม่พบค่าพีเอ ในครีมกันแดดในประเทศอื่นๆคะ แต่เราก็สามารถสังเกตจากส่วนผสมในครีมกันแดดที่สามารถป้องกันรังสียูวีเอได้ เช่น ซิงค์ออกไซด์,อโวเบนโซน, ไททาเนียมไดออกไซด์ เป็นต้น
2. ลักษณะเนื้อครีมกันแดด คนมักจะไม่ชอบทานครีมกันแดดเพราะมีเนื้อครีมที่เหนียวเนอะนะ แต่ปัจจุบันครีมกันแดดได้พัฒนาเนื้อครีมให้มีหลายเนื้อสัมผัสเพื่อให้เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคนคะ
ผู้ที่มีผิวหน้ามัน ควรเลือกใช้ครีมกันแดดเนื้อเจล หรือเนื้อฟลูอิท เพราะเป็นเนื้อครีมจะไม่มัน ทาแล้วจะไม่รู้สึกหนักหน้า และไม่ทำให้หน้ามันเยิ้มมากยิ่งขึ้น
ผู้ที่มีผิวแห้ง ควรเลือกครีมกันแดดที่มีลักษณะเป็นเนื้อครีม ไม่มีส่วนผสมของแอลกฮฮล์ เพราะจะให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหน้าได้เป็นอย่างดี ทำให้ผิวหน้าไม่แห้งลอก
การทา ครีมกันแดด นั้น โดยทั่วไปแล้วจะทาเป็นขั้นตอนสุดท้ายหลังจากการแต่งหน้าเรียบร้อยแล้ว และควรทาให้ทั่วบริเวณใบหน้าและลำคอ เว้นบริเวณรอบดวงตา และควรทำซ้ำเมื่อต้องอยู่กลางแจ้งนานๆนะคะ ใส่ใจกับสุขภาพผิวหน้าสักหน่อย หน้าจะได้ไม่แก่ก่อนวัย
ข้อมูลอ้างอิง
ครีมกันแดดสำคัญนะจ๊ะ ระวังมะเร็งผิวหนังถามหา: thairath.co.th
รอบรู้เรื่องครีมกันแดด แบบจัดเต็ม: teambeyondsport.com