คนที่มีรถยนต์ของตนเอง จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับรถยนต์บ้างก็จะดีนะคะ ผู้ชายก็คงเป็นเรื่องง่ายๆ แต่สำหรับผู้หญิงแล้วความรู้เรื่องรถยนต์แทบจะไม่มี รู้แต่ว่าเติมน้ำมันประเภทไหนคงพอ ส่วนที่เหลือก็นำเข้าศูนย์ตามกำหนดระยะเวลา เพื่อไม่ให้เป็นกระต่ายตื่นตูมเมื่อยามรถมีปัญหาก็ควรศึกษาเรื่องของรถตนเองไว้บ้างนะคะ ถ้ารถแสดงอาการแบบนี้อาจเกิดจากส่วนไหนผิดปกติ ไม่ได้มาซ่อมเอง แต่ก็เอาไว้คุยกะช่างซ่อมรถให้รู้เรื่องคะ จะได้ไม่ถูกหลอกนะ
แบตเตอร์รี่รถยนต์คืออะไร แบตเตอรี่คืออุปกรณ์จัดเก็บและจ่ายกระแสไฟฟ้า..เป็นแหล่งรวมพลังไฟฟ้าของรถยนต์ แบตเตอรี่ให้กระแสไฟฟ้าแก่รถในการสตาร์ทเครื่องยนต์ โดยการจ่ายไฟฟ้าให้แก่ไดร์สาร์ท ทำให้เครื่องยนต์ติด หลังจากนั้นไฟฟ้าที่ใช้ในรถจะมาจากไดชาร์จ ยกเว้นอุปกรณ์บางอย่าง เช่น ใบปัดน้ำฝน ไฟน้ารถ ไฟเลี้ยว เป็นต้น
เมื่อมีการนำไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ไปใช้ ไดร์ชาร์จจะเป็นตัวเติมไฟฟ้าให้กับแบตเตอรี่ ซึ่งกระบวนการการชาร์จนี้จะเกิดขึ้นระหว่างที่เครื่องยนต์ทำงานอยู่นั่นเองคะ แบตเตอรี่แบ่งออกได้ 2 ชนิด
ประเภทของแบตเตอรี่รถยนต์
- แบบเปียก สามารถแบ่งย่อยได้ 2 แบบ คือ แบบที่ต้องเติมน้ำกลั่นบ่อย อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง กับแบบที่ไม่ต้องดูแลบ่อย เติมน้ำกลั่นไม่บ่อยนัก แบตเตอรี่แบบเปียกจะมีอายุงานไม่เกิน 3 ปี ธรรมดา
- แบบไม่ต้องเติมน้ำกลั่น หรือ แบบแห้ง แบตเตอรี่ชนิดนี้จะมีการเติมน้ำกรดและชาร์จไฟมาจากโรงงานแล้ว และมีระบบป้องกันการระเหยของน้ำทำให้การระเหยของน้ำในแบตเตอรี่ต่ำมาก เมื่อนำมาติดตั้งก็เพียงทำการกระตุ้นแผ่นธาตุด้วยการชาร์จไฟฟ้าสักประมาณ 5-10 นาที แบตเตอรี่แบบนี้จะมีการใช้งานประมาณ 5-10 ปี และมีราคาแพง
วิธีการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์
แบตเตอรี่จะมีอายุการใช้งานสั้น-ยาวนั้นขึ้นอยู่กับการใช้งานหรือสาเหตุที่ส่งผลกระทบต่อตัวแบตเตอรี่เอง แบตเตอรี่เสื่อมก็คือไม่สามารถเก็บไฟได้อยู่หรือหมดอายุการใช้งาน หรือระบบไดชาร์จบกพร่อง ซึ่งสาเหตุอาจเกิดจาก
- การประจุไฟที่น้อยเกิน (Under Charging ) หรือประจุไฟมากเกินไป (Over Charging) ซึ่งจะทำให้แผ่นธาตุของแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ งอโค้ง และเกิดผงตะกั่ว
- ระบบไฟในรถยนต์มีปัญหา อาจเกิดจากการติดตั้งเครื่องเสียง สัญญาญกันขโมย หรืออุปกรณ์เสริมต่างๆ การลัดวงจรของสวิชส์ไฟในรถ หรืออาจเกิดจากการทำงานของไดร์ชาร์จไม่เต็มที่
- มีสารปนเปื้อนในหม้อแบตเตอรี่ ซึ่งอาจเกิดการเลือกใช้น้ำกรดเกรดต่ำ ไม่มีความบริสุทธิ์ หรืออาจมีสารหล่อเย็นปะปนกับน้ำกลั่น
- การเกิดผลึกซัลเฟตสีขาวเกาะที่แผ่นธาตุ ซึ่งเกิดจากการทิ้งแบตเตอรี่ไว้โดยไม่ใช้ง่าน หรือการประจุฟ้าที่น้อยเกินไป
วิธีการดูแลรักษาแบเตอรี่รถยนต์
- หมั่นทำความสะอาดสายไฟ ทั้งขั้วบวกและลบ และตัวแบตเตอรี่ด้วยน้ำอุ่น แล้วเช็ดให้แห้ง
- หมั่นทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ ด้วยการทาด้วยวาสลีนเพื่ป้องกันการเกิดคราบขี้เกลือ
- หมั่นตรวจเช็ดระดับน้ำกลั่น ไม่ให้น้ำแห้ง และไม่ควรเติมน้ำกลั่นเกินกว่าขีดที่กำหนดไว้
- หมั่นตรวจระดับกระแสไฟฟ้าแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ
- หมั่นเช็คไดร์ชาร์จ เมื่อระบบไฟอ่อน
- ห้ามเติมน้ำกรด และน้ำกลั่นที่มีสีหรือสารเคมีโดยเด็ดขาด
- ควรใช้น้ำกรดซัลฟูริค (Electrolyte) ที่มีค่าความถ่วงจำเพาะที่ระหว่าง 1.240-1.250 ที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส
- หมั่นสตาร์ทเครื่องอยู่เสมอ ถึงแม้ไม่ได้นำออกไปใช้งาน เพราะการจั้มแบตจะทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ลดลงกว่าที่ควรจะเป็น
เพียงคุณหมั่นดูแลแบตเตอรี่ของคุณและไม่ทำในสิ่งที่ส่งผลเสียต่อแบตเตอรี่ คุณก็สามารถยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้ด้วย ใช้อย่างคุ้มค่าก่อนเปลี่ยนลูกใหม่คะ
——-
*** ข้อมูลแนะนำ: AC POWER THAILAND อุปกรณ์กันโคลงหน้า-หลัง วีโก้ ดีแม็ก รีโว่ มิตซูบิชิไทรทัน เราคือเจ้าแรกที่คิดค้นผลิตกันโคลงในรูปแบบขาอาร์ม ปลอดภัยด้วยกันโคลงเอซีเพาเวอร์.