กระเป๋าหนังแท้ ดูยังไงว่าหนังแท้หรือหนังเทียม เรามีวิธีเลือกซื้อมาฝาก

10609

ทุกวันนี้หากจะเลือกซื้อ กระเป๋าหนังแท้ ซักใบ คงต้องมีความรู้เรื่องเกี่ยวกับหนังแท้ไว้บ้าง เพราะในท้องตลาดก็มีกระเป๋าหนังเทียมออกวางจำหน่ายอยู่มากมาย และดูผิวเผินก็เหมือนกระเป๋าหนังแท้มาก จนบางทีก็แยกไม่ออกว่าใบไหนเป็นกระเป๋าหนังแท้ ใบไหนเป็นกระเป๋าหนังเทียม ดีไม่ดีอาจไปซื้อกระเป๋าหนังเทียมในราคากระเป๋าหนังแท้ก็ได้ พอมารู้ทีหลังจะก็สายไปซะแล้ว เสียเงินไม่ว่าแต่มันเจ็บใจนี่ซิยิ่งกว่า วันนี้เรามาดูความแตกต่างระหว่างหนังแท้กับหนังเทียมกันว่ามันต่างกันยังไง

กระเป๋าหนังแท้เข้าใจกับกระบวนการผลิตกระเป๋าหนังแท้กันก่อน

ประการแรกต้องเข้าใจก่อนว่า หนังแท้จะมาจากสัตว์ เช่น วัว ควาย แพะ แกะ ฯลฯ แล้วนำมาผ่านกระบวนการฟอก ซึ่งจะได้หนังที่มีสภาพที่เป็นจริง เช่น หนังบริเวณใดที่มีรอยแผล เมื่อฟอกเสร็จ ก็จะเห็นรอยแผลที่อาจเปิดกว้างขึ้นแต่ก็อยู่ในสภาพที่ใกล้เคียงกับของเดิม จากนั้นนำไปตกแต่ง-ทำสี และตามด้วยขั้นตอนของการ Finishing เพื่อให้หนังเนียนนุ่ม และนำไปใช้งานต่อไป

สำหรับกระเป๋าหนังแท้จะแบ่งออกเป็น 3 แบบ ดังนี้

1. หนังที่ไม่ผ่านการเจียรผิว (Full Grain) คือ หนังสัตว์ที่นำไปฟอกแต่ไม่ผ่านการขัดเจียรผิวใดๆ สภาพหนังจะใกล้เคียงกับสภาพจริงมากที่สุด คือ สภาพหนังก่อนฟอกเป็นยังไง หลังฟอกแล้วก็เป็นแบบนั้น ซึ่งก็แบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ

• หนังแท้ที่ฟอกออกมาแบบไม่มีตำหนิ จะเป็นหนังส่วนสะโพกซึ่งมีความหนาแน่นเสมอกัน หนังประเภทนี้พวกแบรนด์ดังๆนิยมเอามาทำเป็นสินค้า

• หนังแท้ที่ฟอกออกมาแล้วมีตำหนิ แต่นำไปอัดลายด้วยเครื่องอัดลาย เพื่อช่วยกลบแผลหรือตำหนิเหล่านั้น ก็จะเป็นหนังเกรดที่รองลงมา

2. หนังที่ผ่านกระบวนการลบรอยแผล (Corrected Grain) หนังประเภทนี้จะมีการแต่งผิวเพื่อลบรอยตำหนิโดยการเจียรผิวด้วยกระดาษทรายเบาๆ ทำให้หนังมีขนสั้นๆ และมีผิวสัมผัสที่ดีขึ้น ในกรณีที่มีรอยแผลลึก อาจต้องอัดลายช่วย แต่ผิวสัมผัสก็จะดูไม่เป็นธรรมชาติ

3. หนังกลับ (Split) ประเภทนี้เป็นหนังที่ผ่าผ่านชั้นผิวหนัง จะสามารถหลบแผลได้เกือบทั้งหมด ยกเว้นแผลที่ลึกมากๆ จะมีลักษณะเป็นขนฟู แต่ไม่มีผิวหน้าของหนัง

ข้อแตกต่างของกระเป๋าหนังแท้และหนังเทียม

สำหรับหนังแท้ จะได้มาจากสัตว์ โดยผ่านกระบวนการฟอก การตกแต่ง-ทำสี และขั้นตอนสุดท้ายคือ การ Finishing เพื่อให้หนังดูเรียบเนียนและนุ่มขึ้น แต่ยังคงสัมผัสได้ถึงผิวที่เป็นธรรมชาติ

ส่วนหนังเทียม จะทำมาจากสารสังเคราะห์ที่ถูกทำให้มีลักษณะคล้ายหนัง แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ

1. หนังเทียมที่เลียนแบบหนังแท้ (Polyurethane) หรือเรียกว่าหนัง PU จะผลิตขึ้นให้มีลักษณะเหมือนหนังแท้ เพื่อทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น กระเป๋าหนังเทียม เข็มขัดหนังเทียม ฯลฯ

2. หนังเทียมที่ใช้ทดแทนหนังแท้ (Polyvinyl chloride) หรือเรียกว่าหนัง PVC จะผลิตขึ้นเพื่อใช้แทนหนังแท้ ซึ่งจะมีส่วนผสมของพลาสติก เพื่อนำมาทดแทนในบางส่วนที่หนังแท้ไม่เพียงพอ เช่น ทำสายสะพายกระเป๋า ฯลฯ

วิธีพิสูจน์กระเป๋าหนังแท้แบบง่าย คือ

• ลองพับบี้ดู หากเป็นหนังแท้รอยย่นจะเป็นไม่เส้นตรง จะเป็นรอยเฉียงๆ และรูขุมขนบนหนังจะมีระยะห่างที่ไม่เท่ากันซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติ

• ลองผ่าดูจะเห็นโครงสร้างของหนังเป็นชั้นๆ และสังเกตเห็นเส้นใยที่สานกันอย่างแน่นหนา (ข้อนี้คงทำได้ยากหน่อย นอกจากซื้อมาแล้วอยากพิสูจน์)

ในปัจจุบันมีแบรนด์ดังๆมากมายที่ผลิตกระเป๋าหนังแท้ออกวางจำหน่าย ซึ่งมีทั้งแบรนด์นอกและแบรนด์ไทย การเลือกซื้อกระเป๋าหนังแท้มาใช้ซักใบก็คงไม่ใช่เรื่องยาก แต่การได้เรียนรู้ถึงคุณสมบัติบางประการของหนังแท้ และความแตกต่างระหว่างหนังแท้กับหนังเทียม จะทำให้เราเลือกซื้อกระเป๋าหนังแท้ที่มีคุณภาพได้อย่างคุ้มค่าคุ้มราคา เช่น กระเป๋าที่ทำจากหนัง Full Grain จะมีราคาสูงและมีคุณภาพดีกว่ากระเป๋าที่ทำจากหนัง Corrected Grain หรือหนังกลับ ฯลฯ อีกทั้งยังพอดูออกว่าเป็น กระเป๋าหนังแท้ หรือกระเป๋าหนังเทียม ก็ช่วยไม่ให้โดนหลอกได้ง่ายๆ

ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกระเป๋าหนังแท้
หนังแท้หนังเทียมต่างกันอย่างไร : trrleather.com
ธีทดสอบหนังแท้หรือหนังเทียม : kunyaveeshop.com

Previous articleกระเป๋าสะพายข้าง เลือกยังไงให้เหมาะกับสไตล์คุณ
Next articleกระเป๋าหนังผู้หญิง วิธีเลือกอย่างไรให้เหมาะสม ต้องคิดให้ดีก่อนซื้อ!!!