ทำไมแมวถึงชอบกัดเจ้าของแบบไม่ตั้งใจ และควรรับมืออย่างไรดี

7

แมวเป็นสัตว์ที่มีความซับซ้อนทั้งทางอารมณ์และพฤติกรรม หลายคนอาจเคยเจอสถานการณ์ที่แมวเข้ามาเล่นหรืออ้อน แต่จู่ๆ ก็ “งับ” มือเจ้าของแบบเบาๆ จนกลายเป็นแผลโดยไม่ได้ตั้งใจ พฤติกรรมนี้แม้จะดูเหมือนการเล่นธรรมดา แต่ถ้าเกิดบ่อยอาจกลายเป็นปัญหาที่สร้างความเจ็บปวดและทำให้แมวเครียดโดยไม่รู้ตัว

วิธีการรับมือพฤติกรรม ของแมวที่ชอบกัดเจ้าของแบบไม่ตั้งใจ
วิธีการรับมือพฤติกรรม ของแมวที่ชอบกัดเจ้าของแบบไม่ตั้งใจ

การเข้าใจ “เหตุผล” เบื้องหลังพฤติกรรมการกัดจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะแมวแต่ละตัวมีนิสัยต่างกัน บางตัวกัดเพราะเล่น บางตัวกัดเพราะกลัว หรือแม้แต่กัดเพราะรัก หากเจ้าของเข้าใจและรับมือได้อย่างถูกวิธี จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างคนกับแมวได้มากขึ้น

เข้าใจสาเหตุที่แมวชอบกัดเจ้าของแบบไม่ตั้งใจ

ก่อนจะรับมือกับปัญหา ต้องเริ่มจากการเข้าใจว่า “ทำไมแมวถึงกัด” พฤติกรรมนี้ไม่ได้หมายถึงความก้าวร้าวเสมอไป แต่เป็นสัญญาณบางอย่างที่แมวพยายามสื่อ เช่น ความเครียด ความตื่นเต้น หรือการเล่นที่แรงเกินไป แมวบางตัวใช้การกัดเป็นภาษากาย เพื่อสื่อสารความรู้สึกในขณะนั้น

พฤติกรรมนี้อาจเกิดจากการไม่ได้เรียนรู้การยับยั้งแรงกัดตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะแมวที่ถูกแยกจากแม่เร็ว หรือขาดการเข้าสังคมกับแมวตัวอื่น การกัดแบบ “งับเล่น” จึงเป็นสิ่งที่พวกเขามองว่าเป็นเรื่องปกติ ซึ่งหากเจ้าของตอบสนองผิดวิธี เช่น ตะคอกหรือดุแรงๆ จะยิ่งทำให้แมวสับสนและหวาดกลัวมากขึ้น

สาเหตุหลักที่แมวมักกัดเจ้าของโดยไม่ตั้งใจ:

  • เล่นแรงเกินไปเพราะยังไม่รู้จักควบคุมแรง
  • เครียด กลัว หรือไม่พอใจ
  • ต้องการเรียกร้องความสนใจ
  • แสดงความรักในแบบของแมว เช่น การกัดเบาๆ ขณะอ้อน

สังเกตภาษากายก่อนที่แมวจะกัด

แมวไม่เคยกัดโดยไม่มีสัญญาณเตือน พวกเขามักส่ง “สัญญาณเตือนล่วงหน้า” ผ่านท่าทางและสีหน้า เช่น หางสะบัดเร็ว หูพับลง หรือจ้องตาอย่างระวัง เมื่อเจ้าของสังเกตเห็นพฤติกรรมเหล่านี้และหยุดสัมผัสหรือถอยห่างเล็กน้อย จะช่วยป้องกันการกัดได้

แมวยังอาจแสดงพฤติกรรมอื่น เช่น การเลียมือก่อนจะกัด ซึ่งเป็นสัญญาณว่าพวกเขากำลังอยู่ในอารมณ์ผสมระหว่าง “รัก” และ “เบื่อ” การสังเกตให้ทันก่อนแมวลงมือเป็นกุญแจสำคัญในการหลีกเลี่ยงการโดนกัด

สัญญาณเตือนที่ควรระวัง:

  • หางสะบัดหรือชี้ตรงแบบตึงเครียด
  • หูพับไปด้านหลัง
  • ดวงตาขยายใหญ่หรือจ้องนิ่ง
  • เริ่มเลียหรือข่วนมือเบาๆ ก่อนกัด

อย่าดุหรือใช้ความรุนแรงในการตอบโต้

เมื่อแมวกัด หลายคนมักรีบตอบโต้ด้วยการผลัก ตี หรือดุด่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาด เพราะแมวไม่เข้าใจว่ากำลังถูกสอน เขาจะมองว่าเจ้าของกำลังคุกคาม ทำให้ยิ่งกลัวและกัดแรงขึ้นในครั้งต่อไป การรับมือที่ถูกต้องคือ “หยุดนิ่ง” แล้วถอยมือออกช้าๆ จากนั้นเมินแมวสักพัก เพื่อให้เขารู้ว่าพฤติกรรมดังกล่าวไม่ได้ทำให้ได้รับความสนใจ

แมวเรียนรู้ได้จากการเชื่อมโยงเหตุและผลแบบง่ายๆ เช่น หากกัดแล้วคนเล่นด้วยต่อ พฤติกรรมนี้ก็จะคงอยู่ แต่หากกัดแล้วถูกเมิน เขาจะค่อยๆ ลดการกัดลงเอง

แนวทางตอบสนองเมื่อแมวกัด:

  • หยุดนิ่งทันที ไม่ตะคอกหรือสะบัดมือ
  • ถอยออกอย่างช้าๆ แล้วไม่สบตา
  • เมินเขาสักครู่เพื่อให้เรียนรู้ผลลัพธ์
  • กลับมาเล่นใหม่เมื่ออารมณ์สงบ

ใช้ของเล่นช่วยเบี่ยงเบนพฤติกรรมกัด

การกัดมักเกิดจากพลังงานส่วนเกินหรือความเบื่อ การมีของเล่นแมว เช่น ลูกบอล เชือก หรือแท่งไม้ล่อ จะช่วยให้แมวได้ระบายพลังและไม่ใช้มือเจ้าของเป็นของเล่น ของเล่นยังช่วยฝึกการควบคุมแรงกัดโดยไม่ต้องทำให้เจ็บ

นอกจากนี้ การเล่นกับแมวทุกวันอย่างน้อย 10–15 นาทีจะช่วยให้พวกเขาสงบขึ้น และลดการแสดงพฤติกรรมกัดแบบไม่ตั้งใจ ของเล่นที่ขยับได้หรือมีกลิ่นคาตนิปยังช่วยให้แมวเพลิดเพลินและคลายเครียดได้ดี

ตัวช่วยลดพฤติกรรมกัด:

  • ไม้ตกแมวหรือเชือกผูกลูกบอล
  • ของเล่นมีกลิ่นคาตนิป
  • บอลลูกเล็กให้ไล่เล่น
  • ของเล่นเคี้ยวได้ช่วยฝึกแรงกัด

ฝึกให้แมวเรียนรู้การยับยั้งแรงกัด

แมวสามารถเรียนรู้ได้ว่าการกัดแรงเกินไปไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ โดยการใช้เสียงเตือน เช่น “อ๊ะ!” หรือ “โอ๊ย!” เบาๆ เมื่อเขากัด แล้วหยุดเล่นทันที วิธีนี้จะช่วยให้แมวเข้าใจว่ากัดแรงแล้วเกมจบ เขาจะเริ่มเรียนรู้ว่าต้องเบามือขึ้น

การฝึกนี้ต้องใช้ความสม่ำเสมอและความอดทน เจ้าของทุกคนในบ้านควรปฏิบัติแบบเดียวกัน เพื่อไม่ให้แมวสับสน และเมื่อเขาเริ่มเล่นเบาๆ ก็ควรให้รางวัล เช่น การลูบเบาๆ หรือให้ขนม เพื่อเสริมพฤติกรรมที่ดี

แนวทางฝึกให้แมวลดแรงกัด:

  • ใช้เสียงเตือนเบาๆ เมื่อถูกกัด
  • หยุดเล่นทันทีหลังแมวกัดแรง
  • ให้รางวัลเมื่อเขาเล่นเบา
  • ฝึกอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความเข้าใจ

เข้าใจความแตกต่างระหว่าง “กัดเล่น” กับ “กัดจริง”

แมวที่กัดเล่นมักไม่มีเจตนาทำร้าย แรงกัดจะเบา และตามด้วยการเลียหรือกลิ้งเล่น แต่ถ้าเป็น “กัดจริง” มักมาพร้อมเสียงขู่ หางตั้งชี้ และหูพับแนบหลัง ซึ่งหมายถึงเขารู้สึกกลัวหรือโกรธ หากเจอสถานการณ์นี้ควรถอยออกและปล่อยให้เขาสงบก่อน

การเข้าใจอารมณ์แมวจากสถานการณ์รอบข้างจะช่วยให้เจ้าของแยกได้ว่าแมวกำลังต้องการอะไร เช่น กัดเพราะกลัวเสียงดัง กัดเพราะถูกลูบจุดที่ไม่ชอบ หรือกัดเพราะอยากให้หยุดเล่น

วิธีแยกกัดเล่นกับกัดจริง:

  • กัดเล่น: แรงเบา มีการเลียหรือถูตัว
  • กัดจริง: เสียงขู่ หางตั้ง หูพับ
  • กัดเบาๆ ระหว่างอ้อน: แสดงความรัก
  • กัดแรงพร้อมหนี: แสดงอารมณ์กลัวหรือไม่พอใจ

สร้างสภาพแวดล้อมที่ลดความเครียดของแมว

แมวที่กัดบ่อยบางครั้งไม่ได้เกิดจากนิสัย แต่เกิดจาก “ความเครียดสะสม” เช่น เสียงดัง การย้ายบ้าน หรือแมวตัวอื่นรบกวน การสร้างพื้นที่ส่วนตัวที่เงียบสงบ เช่น มุมพักผ่อนหรือที่หลบ จะช่วยให้เขารู้สึกปลอดภัยและลดพฤติกรรมก้าวร้าว

การมีคอนโดแมว ที่ลับเล็บ หรือกล่องกระดาษให้ซ่อนตัว จะช่วยให้แมวได้ปลดปล่อยความเครียดโดยไม่ต้องใช้การกัดเป็นทางออก นอกจากนี้ ควรรักษาความสม่ำเสมอของกิจวัตร เช่น เวลาให้อาหารและเวลาเล่น เพื่อให้แมวรู้สึกมั่นคงและไว้ใจ

แนวทางสร้างความสงบให้แมว:

  • จัดมุมส่วนตัวเงียบๆ สำหรับพัก
  • มีของเล่นหรือที่ลับเล็บให้ระบายพลัง
  • หลีกเลี่ยงเสียงดังและสิ่งรบกวน
  • รักษากิจวัตรเดิมให้คงที่

สรุป: วิธีรับมือพฤติกรรมของแมวที่ชอบกัดเจ้าของแบบไม่ตั้งใจ

พฤติกรรมกัดของแมวไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เป็นการสื่อสารอย่างหนึ่งที่เจ้าของควรเข้าใจ การรับมือด้วยความใจเย็นและการฝึกอย่างถูกวิธีจะช่วยลดพฤติกรรมนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการสังเกตภาษากาย ใช้ของเล่นเบี่ยงเบน หรือฝึกให้เรียนรู้การยับยั้งแรงกัด การตอบสนองอย่างอ่อนโยนคือหัวใจสำคัญ

แมวไม่ได้ต้องการทำร้าย แต่ต้องการสื่อสาร การเข้าใจและปรับตัวเข้าหากัน จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับแมวแน่นแฟ้นขึ้นกว่าเดิม การรับมืออย่างถูกวิธีไม่เพียงช่วยให้แมวสงบลง แต่ยังช่วยให้บ้านเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความไว้ใจในทุกวัน

Previous articleไอเดียแมทช์กระเป๋าสะพายข้างผู้หญิงราคาหลักร้อย ให้ดูแพงแบบไม่ต้องเปย์เยอะ
Next articleเตรียมตัวขอวีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa) เอกสารรายได้ต้องมีอะไรบ้างทำอย่างไรให้ครบและถูกต้องตามเกณฑ์