เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2565 นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร หมายเลข 3 ได้ลงพื้นที่หาเสียงย่านตลาดกิตติ, ตลาดสะพาน 2 และตลาดแสงจันทร์ เขตสาทร ในช่วงเช้าที่มีประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอยหลังจากผ่านพ้นเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ไทยมาได้ไม่นาน
จากการลงพื้นที่บริเวณดังกล่าวนายสกลธี ได้เผยว่า การได้พบเจอกับประชาชนในแต่ละพื้นที่ช่วยให้เข้าใจสภาพแวดล้อมและปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในสังคมได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังได้รับฟังความคิดเห็นความเดือดเนื้อร้อนใจของประชาชนในพื้นที่จริง ๆ อีกด้วย ทั้งพ่อค้าแม่ค้า ทั้งประชาชนที่เดินทาง ต่างให้ความคิดเห็นในมุมมองที่แตกต่างกันจำนวนมาก ส่วนปัญหาหลัก ๆ ที่คนเมืองมักบอกเป็นเสียงเดียวกันเลยคือระบบระบายน้ำของกรุงเทพมหานครที่ไม่ดีเท่าที่ควรจนเกิดเป็นปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก ส่วนอีกเรื่องคือการสนับสนุนจากภาครัฐที่ไม่มากพอจนทำให้ประชาชนต้องพึ่งพาตนเองและใช้จ่ายเงินทุนมากกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันโรคระบาด การประกอบอาชีพ และการหาแหล่งกระจายสินค้าใหม่ ๆ ทั้งหมดนี้ประชาชนต้องดิ้นรนแก้ปัญหาและจ่ายค่าใช้จ่ายเองทั้งสิ้น
นายสกลธี กล่าวเพิ่มเติมว่า ชาวบ้านนั้นคาดหวังการทำงานของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่มีความคิดและแนวทางการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพมากกว่าพวกนักการเมืองหัวโบราณ หวังว่าผู้ว่าฯ กทม. คนใหม่จะเปิดรับฟังปัญหาประชาชนอย่างแท้จริง และเข้าถึงหัวจิตหัวใจชาวบ้านที่กำลังเผชิญปัญหาและแบกรับต้นทุนอยู่ในขณะนี้โดยที่ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐแต่อย่างใด ไม่อยากให้ภาครัฐพัฒนาเพียงแค่เฉพาะจุด เฉพาะพื้นที่สาธารณะ แต่อยากให้สร้างโอกาสให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจริง ๆ มาทำงานให้กับประชาชนจริง ๆ มากกว่าประโยชน์ส่วนตัว
ซึ่งจากความคิดหวังของชาวบ้าน นายสกลธี จึงชูนโยบายโครงการดอกเบี้ยต่ำ ให้แก่พ่อค้าแม่ค้าที่ต้องการลงทะเบียนโดยร่วมมือกับธนาคารออมสินเพื่อเป็นเงินทุนช่วยเหลือชาวบ้านที่ทำมาค้าขายให้มีภาระค่าใช้จ่ายที่น้อยลงหากตนได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ในการเลือกตั้งครั้งนี้นั่นเอง
