ใครชอบเล่นเกมแนว RPG หรือสวมบทบาทของสตูดิโอฝั่งอเมริกาเหนือและยุโรป คงคุ้นเคยเนื้อเรื่องแนวย้อนยุคเกี่ยวกับนักรบโบราณเช่น อัศวิน ไวกิ้ง ที่ผจญภัยใน Open World อันกว้างใหญ่ไพศาล ผู้เล่นรู้สึกสนุกสนานไปกับความเข้มแข็ง จิตใจกล้าหาญ สมองอันชาญฉลาด รวมถึงเสื้อผ้าอาภรณ์ ชุดเกราะ และอาวุธแสนเท่
แต่ระหว่างทาง ผู้เล่นจะพบกับ NPC หรือตัวละครที่ควบคุมไม่ได้ คอยขายสินค้าให้พวกเราเปลืองเงินเปลืองทอง หรืออาจมีวัตถุประสงค์อื่น
Money.com เว็บไซต์ด้านเศรษฐกิจการเงินยักษ์ใหญ่แห่งประเทศอังกฤษ ได้มีการค้นคว้าศึกษาวิจัย NPC (ซึ่งย่อมาจาก non-player character หรือ non-person character หรือ non-playable character) ว่าส่งผลกระทบกับกระเป๋าเงินของเกมเมอร์มากน้อยแค่ไหน ซึ่งผลปรากฏว่า มีเกม RPG ยอดนิยมหลายเกมที่ประพฤติตัวเหมือนพ่อค้าหน้าเลือดคอยขูดเลือดขูดเนื้อของบรรดาผู้เล่น
เกมที่นำโด่งมาเลยจากผลวิจัยที่สรุปออกมาได้แก่ The Witcher 2: Assassins of Kings ตามมาด้วย Nioh ทั้งสองภาค, Kingdom of Amalur: Reckoning และ Bloodborne โดยทาง Money.com คำนวณค่าความหน้าเลือดจากราคาขายสินค้าและราคารับซื้อสินค้าคืนของบรรดา NPC
สำหรับเกมเบอร์หนึ่ง The Witcher 2: Assassins of Kings เป็นเกม action RPG ของค่าย CD Projekt ที่พัฒนามาจากนวนิยาวแนวแฟนตาซี The Witcher ของ Andrzej Sapkowski โดยเป็นภาคต่อของ The Witcher เมื่อปี 2007 ลงให้กับ Microsoft Windows, Xbox 360, OS X และ Linux โดยผู้เล่นรับบทบาทเป็นนักล่ามอนสเตอร์หรือ Witcher ชื่อ Geralt of Rivia ที่ออกเดินทางผจญภัยบนโลกแห่งจินตนาการที่ได้รับแรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์โปแลนด์และตำนานสลาวิช
เว็บไซต์ดังระบุว่า The Witcher 2 มีส่วนต่างความยุติธรรมของราคาสินค้าเฉลี่ยอยู่ที่ 1,783 เปอร์เซ็นต์ ตัวอย่างเช่น ดาบ Temarian Sword ที่ขายในราคา 376 Orens แต่รับซื้อคืนแค่ 16 Orens ห่างกันราวกับฟ้าดิน
ตามมาด้วย Nioh ทั้งสองภาคที่ 1,337 และ 1,233 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ, อันดับ 4 Kingdom of Amalur: Reckoning อยู่ที่ 1,196 เปอร์เซ็นต์ และอันดับ 5 Bloodborne แม้ไม่ถึง 1,000 เปอร์เซ็นต์ แต่ถือว่าใกล้เคียงที่ 955 เปอร์เซ็นต์
