กลายเป็นเรื่องราวที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในเวลานี้สำหรับวงการภาพยนตร์สหรัฐอเมริกา ที่ดูเหมือนว่าหนังฟอร์มยักษ์ที่ถูกเลื่อนฉายมาตั้งแต่ปี 2020 อย่าง Black Widow ภาพยนตร์ของฮีโรสาว นาตาชา โรมานอฟ ที่เหล่าแฟน ๆ มาร์เวล ตั้งหน้าตั้งตารอคอยในการรับชมผ่านโรงภาพยนตร์ในสหรัฐอเมริกาในปีนี้ ซึ่งน่าจะโกยรายได้อย่างมหาศาล
แต่ทว่าบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพยนตร์เรื่องนี้อย่าง Disney ได้นำ Black Widow เข้าฉายทางช่อง Disney Plus ก่อนที่หนังจะเข้าโรงภาพยนตร์ ส่งผลให้กระทบกระเทือนทางรายได้ของผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นั่นจึงทำให้เหล่าผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์ในสหรัฐอเมริกาได้ออกมาตำหนิแพลตฟอร์มออนไลน์ Disney Plus อย่างรุนแรง ทั้งนี้รายได้ของ Black Widow ในการขายตั๋วจากโรงภาพยนตร์มีจำนวนทั้งหมด 80 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2.6 พันล้านบาท) และทำรายได้จาก Disney Plus ถึง 60 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.9 ล้านบาท) ในสัปดาห์แรกที่หนังได้ออกฉาย แต่สัปดาห์ถัดมา หนังทำเงินในโรงภาพยนตร์ได้เพียง 26 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 800 ล้านบาท) เท่านั้น
ทั้งนี้ สมาคมผู้ประกอบธุรกิจโรงภาพยนตร์นานาชาติหรือ National Association of Theatre Owners (NATO) ได้เปิดเผยว่า ถ้าหาก Black Widow ออกฉายเฉพาะในโรงภาพยนตร์ทางเดียว หนังจะทำรายได้สูงมากกว่านี้ อาจทำจะได้ถึง 100 ล้านเหรียญสหรีฐ (ประมาณ 3.2 พันล้านบาท) ทีเดียว
ล่าสุด ตัวแทนของกลุ่มผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์ได้วิจารณ์ Disney Plus ว่า
“ หลายอย่างอาจจะยืนยันได้ว่า ยุคแห่งโรคระบาดเป็นแรงขับเคลื่อนให้กับแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Disney Plus เกิดขึ้น
แน่นอนว่าทางค่าย Disney ต้องการสร้างกลยุทธ์ใหม่ด้วยการปล่อยภาพยนตร์ออกมาพร้อมกันเพื่อให้ทุกอย่างสำเร็จไปได้ด้วยดี ”
“ แต่หากปล่อยในโรงภาพยนตร์อย่างเดียว รายได้ของพวกเขาอาจจะสูงมากกว่านี้ ขณะที่ทางโรงภาพยนตร์ ก็จะได้รับการกระตุ้นทางธุรกิจที่มากขึ้น ซึ่งดูเหมือนว่าพวกเขาจะยังคงยึดติดกับกลยุทธ์ในช่วงที่สภาวะโรคระบาดรุนแรง แต่ไม่เท่ากับในเวลานี้ ”
