Django Unchained (2012) หนังสุดมันสะท้อนการเหยียดสีผิวยุคคาวบอย

210

การเหยียดสีผิว

แน่นอนว่าเรื่องของการเหยียดสีผิวในเวลานี้กลายเป็นประเด็นที่รุนแรงมาก ๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกา และก็ดูเหมือนว่าแผลใหญ่ในครั้งนี้ของประเทศมหาอำนาจระดับโลกจำเป็นจะต้องแก้ไขอย่างรวดเร็วที่สุด

แต่ทว่าปัญหาดังกล่าวไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นมาในยุคปัจจุบัน เพราะในอดีตย้อนไปตั้งแต่ยุคสร้างประเทศสหรัฐอเมริกาก็เคยเกิดเรื่องราวเหล่านี้มาโดยตลอด และในครั้งนี้ภาพยนตร์อย่าง Django Unchained จะพาผู้ชมเข้าสู่บรรยากาศการเหยียดผิวในยุคคาวบอย

Django Unchained (2012) หรือในชื่อไทยว่า “ จังโก้โคตรคนแดนเถื่อน ” เล่าถึงเรื่องราวของ จังโก้ ทาสผิวสีผู้มีประวัติโชกโชนกับอดีตนายจ้างของเขา ซึ่งทาสรายนี้สามารถทำภารกิจได้สำเร็จและโหดเหี้ยมตามคำสั่ง  ต่อมาเขาต้องเผชิญหน้ากับ ด็อกเตอร์คิง ชูสซ์ นักล่าค่าหัวชาวเยอรมัน ที่กำลังไล่ล่าฆ่าพี่น้องฆาตกร บริทเทิล และดูเหมือนว่าคน ๆ เดียวที่จะช่วยเขาได้ในครั้งนี้ก็คือ จังโก้ ยอดคาวบอยผิวสี โดยทั้งคู่ได้ให้สัญญาใจกันว่า จังโก้ จะถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระหลังจากที่ภารกิจสำเร็จลุล่วง

แต่ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ที่แทรกเข้ามาในภารกิจครั้งนี้คือ จังโก้ ที่พยายามตามหาภรรยาของเขาระหว่างทำภารกิจ ซึ่งเธอถูกจับไปในขบวนการค้าทาสเมื่อนานมาแล้ว และสุดท้ายเขาก็ได้พบกับภรรยาที่อยู่กับนายจ้างผิวขาวอย่าง แคนตี้ ผู้ไร้ความปราณีและกดขี่ทาสผิวสีแทบทุกคนเยี่ยงสัตว์ป่า ทำให้ภารกิจของ จังโก้ ได้เพิ่มเติมขึ้นมาคือ การปลดปล่อยทาสเหล่านี้และช่วยอดีตภรรยาของเขาให้ได้รับอิสรภาพ

สำหรับคำวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่อง Django Unchained ในแง่บวก หนังนำเข้าไปสู่ทิศทางและมุมมองที่ป่าเถื่อนในยุคคาวบอย ที่มีการกดขี่ทาสผิวสีเป็นอย่างมาก หนังสะท้อนอารมณ์ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และทำให้ผู้ชมรู้สึกสะเทือนใจถึงความไม่ยุติธรรม

ในแง่ลบ หนังค่อนข้างจะมีเนื้อหาที่เป็นผู้ใหญ่ และมีเรื่องสัจธรรมการตีความที่ต้องคิดอยู่เรื่อย ๆ ผู้ชมที่มีอายุน้อยมาก ๆ ควรที่จะหลีกเลี่ยงภาพยนตร์เรื่องนี้

Previous articleสู้ลมหนาว! นักมวยเยาวชนทีมชาติไทย ลงฝึกซ้อมที่โปแลนด์
Next articleFearless (Taylor’s Version) ขึ้นอันดับ 1 Billboard 200 เป็นชุดที่ 9 ของ สวิฟต์