สำหรับแฟรนไชส์ Resident Evil หนังที่ดัดแปลงมาจากวิดีโอเกม แน่นอนว่าเรื่องที่ผ่านมากับสองภาคแรกเมื่อปี 2002 และ 2004 ไม่ได้เป็นอย่างที่เหล่าแฟนพันธุ์แท้ของเกมนี้คาดหวังไว้ เพราะหนังได้เปลี่ยนบทบาทเรื่องราวหลายอย่างจนแทบจะฉีกต้นฉบับไปทั้งหมด
แต่นั่นยังอาจไม่พอ เพราะดูเหมือนว่า Resident Evil ภาคที่ 3 ยิ่งฉีกออกจากวิดีโอเกมแบบชนิด “ กู่ไม่กลับ ”
Resident Evil : Extinction (2007) หรือในชื่อไทยว่า “ สงครามสูญพันธุ์ไวรัส ” เล่าถึงเรื่องราวหลังจากเหตุการณ์ผ่านพ้นจากภาคที่ 2 ในเมือง แรคคูน ซิตี ที่ได้เกิดไวรัสโรคระบาดทำให้คนตายกลายเป็นซอมบี รวมถึงคนเป็นที่โดนกัดก็กลายเป็นซอมบีได้เช่นกัน
แต่ในภาคที่ 3 นี้ เรื่องราวได้ออกมาจากตัวเมือง แรคคูน ซิตี แล้วเพราะไวรัสร้านกำลังกระจายไปทั่วโลก จนในเวลานี้แทบจะเรียกได้ว่า นี่คือ“ วันสิ้นโลก ” อย่างแท้จริง
ทั้งนี้กลุ่มผู้รอดชีวิต ที่นำโดย คาร์ลอส โอลิเวรา ที่พวกเขาต้องดิ้นรนหนีตายไปในทะเลทราย ลาสเวกัส เพื่อเอาชีวิตรอดจากฝูงผีดิบ รวมถึงนกพิราบกลายพันธุ์ที่สามารถรุมกินคนได้อย่างรวดเร็ว และดูเหมือนว่า บริษัท อัมเบรลลา คอร์เปอเรชัน ผู้ที่ทำให้เกิดเชื้อไวรัสในการแพร่ระบาดครั้งนี้ ก็ต้องการล่าตัว อลิซ สาวผู้มีพลังพิเศษ เพื่อใช้เธอในการสกัดยาต้านไวรัส แม้ยังไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่
แต่ อลิซ ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ และในที่สุดเธอก็ได้โผล่มาช่วยพวกของ คาร์ลอส เพื่อยับยั้งการโจมตีของฝูงซอมบีท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุ ซึ่งเธอยังต้องเผชิญหน้ากับบริษัทวายร้ายแห่งนี้ ซึ่งเธอต้องการที่จะกำจัดบริษัทนี้ให้สิ้นซากด้วยตนเอง
สำหรับคำวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่อง Resident Evil : Extinction ในแง่บวก หนังมีไอเดียใหม่ ๆ เกี่ยวกับการต่อสู้กับฝูงซอมบีผ่านทะเลทราย ซึ่งไม่เคยมีหนังที่เกี่ยวกับซอมบีเรื่องไหนทำมาก่อน
ในแง่ลบ หนังค่อนข้างที่จะออกไปไกลจากจุดเดิมที่หนังพยายามปูในภาคแรก ยิ่งเทียบกับเรื่องราวในวิดีโอเกมแล้ว หนังค่อนข้างจะมั่วซั่ว และอาจทำให้เหล่าแฟนพันธุ์แท้ของวิดีโอเกมซอมบีคลั่ง ผิดหวังเป็นอย่างแรงก็เป็นได้
