Pacific Rim Uprising (2018) หุ่นยนต์ต่อสู้สัตว์ประหลาดที่ใหญ่และเร็วกว่าเดิม

604

หุ่นยนต์

หลังจากที่สร้างความประทับใจในภาคแรกเมื่อ 5 ปีก่อนหน้านี้ จนได้รับกระแสตอบรับในด้านดีสำหรับหนังภาพยนตร์หุ่นยนต์ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดยักษ์อย่าง ไคจู ทำให้หนังภาคต่อ “ Pacific Rim Uprising ” ถูกจับตามองเป็นอย่างมาก

Pacific Rim Uprising (2018) หรือ “ แปซิฟิค ริม ปฏิวัติพลิกโลก ” เล่าเรื่องราวของ เจค เพ็นเทคอสต์ ลูกชายคนเดียวของ สแตกเกอร์ เพ็นเทคอสต์ อดีตหัวหน้ากองกำลังของฝ่ายมนุษย์ ที่สละชีวิตของตนจากหนังเรื่อง Pacific Rim ภาคแรก (2013) แต่ดูเหมือนว่าตัวลูกชายอย่างเจค จะใช้ชีวิตแบบเหลวแหลกและไม่ค่อยสนใจอะไรมากนัก

เนื่องจากชีวิตของเจคมีแผลในใจเกี่ยวกับตัวเขาและพ่อ ซึ่งเขาไม่ได้เป็นลูกที่ทำได้อย่างที่พ่อเขาตั้งใจให้เป็น มันจึงกลายเป็นการประชดชีวิตและเป็นแผลในใจที่เขาไม่ต้องการที่จะมีชีวิตที่ดี

แต่หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ประหลาดเมื่อหุ่นยนต์เยเกอร์หนึ่งตัวที่กลับสร้างเรื่องราวแปลก ๆ กลายเป็นฝ่ายตรงข้ามกับมนุษย์ จนทำให้เกิดการกลับมาอีกครั้งของไคจูที่ทำให้โลกต้องกลับมาวุ่นวายอีกครั้ง

นั่นจึงทำให้เจคตัดสินใจกลับเข้าร่วมกับกองทัพของมนุษย์ ที่นำทัพโดยมี มาโกะ โมริ พี่สาวบุญธรรมซึ่งเป็นฮีโรจาก Pacific Rim ภาคแรก คอยสนับสนุนเขาในครั้งนี้ และพวกเขาต้องคอยไขขปริศนาที่ว่า ทำไมไคจูถึงกลับมาได้ และเขาจะต้องปกป้องโลกอย่างไร

สัตว์ประหลาด

สำหรับคำวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่อง Pacific Rim Uprising ในแง่บวก หนังมีฉากการต่อสู้ที่รวดเร็วมากขึ้น และขยายสเกลของทั้งหุ่นยนต์และสัตว์ประหลาดให้ยิ่งใหญ่มากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้น่าจะเป็นจุดแข็งที่ทำให้คนดูเต็มอิ่มกับการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม เทียบกับภาคแรกที่ค่อนข้างช้า

ในแง่ลบ ดูเหมือนว่าโทนสีของหนังที่มืดและมีเสน่ห์ในภาคแรกจะหายไปอย่างสิ้นเชิง โดยภาคนี้ค่อนข้างมีโทนสีของหนังที่สว่างและดูเหมือนว่ามันอาจจะไม่ใช่เรื่องดี เพราะมันทำให้หนังดูไม่มีเอกลักษณ์ ขณะที่เนื้อหาก็ดูมีความเป็นหนังของเด็ก ๆ มากจนเกินไป ทำให้เรื่องราวต่าง ๆ ดูเบาบางและไม่เข้มข้นหรือจริงจังเหมือนกับภาคแรก

Previous articleMonster Hunter (2020) คุ้มค่ากับฉาก CG สุดมันส์
Next articleTitanic (1997) หนึ่งสุดยอดภาพยนตร์รักต่างชนชั้นตลอดกาล