การประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติว่าสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในประเทศไทย โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
นาย อนุทิน แถลงว่า ขณะนี้สถานการณ์ของประเทศไทยสามารถควบคุมได้แล้ว การแยก จ.สมทุรสาคร ออกมาก็จะเห็นว่าจังหวัดอื่นนๆ พบผู้ติดเชื้อน้อยมาก จึงมีการประกาศมาตราการผ่อนคลาย ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. เป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม หากจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงมากขึ้น สธ.จะเสนอมาตรากรผ่อนคลายต่อ ศบค. ให้มากขึ้น ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในแต่ละห้วงเวลานั้นด้วย ในเรื่องชองวัคซีนป้องกันโควิค-19 นั้น คาดว่าภายในเดือน ก.พ. จะมีวัคซีนทยอยเข้ามาจาก 2 แห่ง คือ ซิโนแวค ประเทศจีน และวัคซีนจากแอสตร้าเซนเนก้า โดยช่วงต้นที่เข้ามาก่อนจะมากจากซิโนแวค ที่ไทยได้สั่งซื้อไปจำนวน 2 ล้านโดส ออกใบสั่งซื้อไปผ่าน องค์การเภสัชกรรม ไปแล้ว อย่างไรตาม วัคซีนจากแอสตร้าเซนนเนก้าที่จะผลิตในไทย จำนวน 26 ล้านโดส ขณะนี้ได้คอนเฟิร์มอีก 35 ล้านโดส รวมเป็น 61 ล้านโดส
อย่างไรก็ตาม นายอนุทินยังกล่าวว่า วัคซีนทั้งหมด 63 ล้านโดสในปีนี้ถือว่าเพียงพอ ครอบคลุมประชากร รวมถึงอยู่ในความสามารถให้บริการวัคซีนที่จัดการได้ รัฐบาลมีนโยบายว่าวัคซีนจะต้องปลอดภัย มีประสิทธิภาพ ครอบคลุม ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และจะต้องฉีดให้กับทุกคนที่มีความเสี่ยงแพร่เชื้อ ไม่ใช่เฉพาะคนไทย ฉะนั้น วัคซีนจะต้องครอบคลุมทุกคนที่พำนักในประเทศไทย