ในช่วงตลาดหุ้นขาลง นักลงทุนมักจะเผชิญกับความท้าทายในการตัดสินใจซื้อขาย การใช้ Indicator หุ้นที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดได้แม่นยำมากขึ้น และทำกำไรได้แม้ในภาวะที่ตลาดผันผวน วันนี้เราจะมาแนะนำ 5 Indicator หุ้น ที่เหมาะสำหรับการลงทุนในช่วงตลาดขาลง
1. Relative Strength Index (RSI)
RSI เป็นหนึ่งใน Indicator หุ้น ยอดนิยมที่ใช้วัดความแข็งแกร่งของแนวโน้มราคา และบ่งชี้ว่าหุ้นอยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป (overbought) หรือขายมากเกินไป (oversold) หรือไม่
- ค่า RSI อยู่ระหว่าง 0 ถึง 100
- RSI มากกว่า 70 บ่งชี้ว่าหุ้นอาจถูกซื้อมากเกินไป และมีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวลง
- RSI ต่ำกว่า 30 บ่งชี้ว่าหุ้นอาจถูกขายมากเกินไป และมีโอกาสที่ราคาจะฟื้นตัว
ในช่วงตลาดขาลง การใช้ RSI จะช่วยให้คุณระบุจุดที่ราคาหุ้นอาจจะเริ่มฟื้นตัวได้ โดยเฉพาะเมื่อ RSI ลงมาต่ำกว่า 30 และเริ่มปรับตัวขึ้น
2. Moving Average Convergence Divergence (MACD)
MACD เป็น Indicator หุ้นที่ใช้วัดความสัมพันธ์ระหว่างค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สองเส้น เพื่อบ่งชี้แนวโน้มและจังหวะการเปลี่ยนแปลงของราคา
- MACD ประกอบด้วยเส้น MACD และเส้น Signal
- เมื่อเส้น MACD ตัดขึ้นเหนือเส้น Signal จะเป็นสัญญาณซื้อ
- เมื่อเส้น MACD ตัดลงใต้เส้น Signal จะเป็นสัญญาณขาย
ในช่วงตลาดขาลง MACD จะช่วยให้คุณระบุจุดที่แนวโน้มขาลงอาจจะเริ่มชะลอตัวหรือกลับตัว โดยสังเกตการตัดกันของเส้น MACD และ Signal
3. Bollinger Bands
Bollinger Bands เป็น indicator ที่แสดงความผันผวนของราคาหุ้น ประกอบด้วยเส้นกลางซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ และเส้นบนล่างที่แสดงช่วงความผันผวน
- เมื่อราคาหุ้นเคลื่อนที่ใกล้หรือทะลุเส้นล่าง อาจเป็นสัญญาณว่าราคาถูกขายมากเกินไปและมีโอกาสฟื้นตัว
- เมื่อราคาหุ้นเคลื่อนที่ใกล้หรือทะลุเส้นบน อาจเป็นสัญญาณว่าราคาถูกซื้อมากเกินไปและมีโอกาสปรับตัวลง
ในช่วงตลาดขาลง Bollinger Bands จะช่วยให้คุณระบุจุดที่ราคาหุ้นอาจจะเริ่มฟื้นตัวได้ โดยเฉพาะเมื่อราคาทะลุเส้นล่างและเริ่มปรับตัวกลับเข้ามาในแถบ
4. On-Balance Volume (OBV)
OBV เป็น Indicator หุ้นที่ใช้วัดแรงซื้อขายในตลาด โดยรวมปริมาณการซื้อขายเข้ากับทิศทางของราคา
- หาก OBV เพิ่มขึ้นในขณะที่ราคาลดลง อาจเป็นสัญญาณว่ามีแรงซื้อแฝงอยู่ และราคาอาจจะฟื้นตัวในเร็วๆ นี้
- หาก OBV ลดลงพร้อมกับราคา แสดงว่าแนวโน้มขาลงยังคงแข็งแกร่ง
ในช่วงตลาดขาลง OBV จะช่วยให้คุณระบุจุดที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม โดยเฉพาะเมื่อ OBV เริ่มเพิ่มขึ้นในขณะที่ราคายังคงลดลง
5. Fibonacci Retracement
Fibonacci Retracement เป็นเครื่องมือที่ใช้ระบุระดับแนวรับแนวต้านที่สำคัญ โดยอ้างอิงจากทฤษฎีคณิตศาสตร์ของ Fibonacci
- ระดับ Fibonacci ที่สำคัญได้แก่ 23.6%, 38.2%, 50%, 61.8% และ 78.6%
- ในช่วงตลาดขาลง ระดับเหล่านี้มักจะเป็นจุดที่ราคาหุ้นอาจจะเกิดการฟื้นตัวชั่วคราว
การใช้ Fibonacci Retracement ในช่วงตลาดขาลงจะช่วยให้คุณระบุจุดที่ราคาหุ้นอาจจะเกิดการฟื้นตัว หรือใช้เป็นจุดในการตั้งเป้าหมายกำไรสำหรับการเทรดระยะสั้น
การใช้ Indicator หุ้นเหล่านี้ร่วมกันจะช่วยให้คุณมีมุมมองที่ครอบคลุมมากขึ้นในการวิเคราะห์ตลาดหุ้นช่วงขาลง อย่างไรก็ตาม ควรระลึกไว้เสมอว่าไม่มี Indicator หุ้น ใดที่สมบูรณ์แบบ การใช้ indicator ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและการบริหารความเสี่ยงที่ดีจะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในการลงทุนได้แม้ในช่วงตลาดผันผวน