คนไม่เคยป่วย ไม่เคยเข้าโรงพยาบาล เป็นนักกีฬา หรือการที่ดูแลสุขภาพตนเองอย่างดีแล้วนั้น สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถรับประกันได้ว่าคุณจะไม่มีโอกาสเป็นโรคไต โรคไตเมื่อเป็นระยะแรกเริ่มอาจไม่แสดงอาการใด จนเข้าสู่ภาวะไตวายเรื้อรัง ทางที่ดีเราควรมาทำความรู้จักกับโรคไต และรู้ถึงสัญญาณเตือนภัยว่าไตของท่านเริ่มผิดปกติแล้วดีกว่าคะ ว่าอาการโรคไตเป็นอย่างไร จะได้ไม่สายเกินไป
โรคไต (ภาวะไตวาย) แบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด คือ ไตวายเฉียบพลัน (Acute kidney injury) หรือ AKI และ ไตวายเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease)
1. ไตวายเฉียบพลัน คือภาวะที่เกิดขึ้นในเวลารวดเร็ว ส่วนใหญ่เกิดจากการที่เลือดไปเลี้ยงที่ไตน้อยลง เช่น มีอาการความดันโลหิตต่ำ,อยู่ในภาวะช็อกนานๆ หรือมีการเสียเลือดมากๆ แต่ภาวะไตวายเฉียบพลันสามารถรักษาให้ไตกลับมาทำงานปกติได้
2. ไตวายเรื้อรัง คือภาวะที่เนื้อไตถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง จนไตไม่สามารถกลับมาทำงานได้อย่างปกติ คือไม่สามารถรักษาให้หายได้ สามารถแบ่งระยะของโรคไตเรื้อรังได้ 5 ระยะ คือ
- ระยะที่1 ไตเริ่มเสื่อม พบโปรตีนในปัสสาวะ ค่าGFR อยู่ที่ ≤ 90
- ระยะที่ 2 ไตเสื่อม ค่าGFR อยู่ที่ 60-89
- ระยะที่ 3 ไตเสื่อม ค่าGFR อยู่ที่ 30-59
- ระยะที่ 4 ไตเสื่อม ค่าGFR อยู่ที่ 15-29
- ระยะที่ 5 ไตวาย ค่าGFR น้อยกว่า 15
สัญญาณบ่งบอกอาการโรคไต
อาการตัวบวมทั้งตัว เกิดจากการมีน้ำและเกลือเพิ่มขึ้นในร่างกาย อาจจะเริ่มบวมที่หนังตาและหน้า โดยเฉพาะการบวมตอนเช้า ต่อมาที่ขาและเท้า อาการบวมหากสังเกตุไม่เห็นอาจลองใช้นิ้วกดที่หน้าแข้งสักพักแล้วปล่อยถ้ามีรอยบุ๋มอยู่แสดงว่าตัวบวม อาจเกิดได้ในโรคไตหลายชนิด เช่น โรคไตอักเสบชนิดเนฟโฟรติคซินโดรม (Nephrotic Syndrome)
เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ภาวะซีด เพราะไตไม่สามารถสร้างสารอีริโธรโปอีติน (Erythopoietin) ไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดแดงได้ เมื่อเกิดภาวะไตวายเรื้อรังจะไม่สามารถสร้างสารนี้ได้ ถ้าเป็นน้อยๆมักไม่แสดงอาการ ถ้าเป็นมากขึ้นจะรู้สึกเหนื่อยง่าย ซีด คันตามตัว เบื่ออาหาร ตามลำดับ
ปวดหลัง ปวดบั้นเอว ไตอยู่ด้านหลังด้านล่าง เมื่อไตผิดปกติจะมีอาการปวดหลัง ร้าวไปถึงท้องน้อย หัวหน่าว และอวัยวะเพศได้ หากเรากดหลังหรือทุบเบาๆแล้วมีอาการเจ็บ แสดงว่าเป็นโรคไตเรื้อรัง หรือไตอักเสบ ถ้ามีไข้ร่วมด้วยเป็นสัญญาณของกรวยไตอักเสบ
การปวดท้องอย่างรุนแรง (colicky pain) ร่วมกับปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะขุ่น หรือมีผลึก อาจเป็นนิ่วในไตและทางเดินปัสสาวะ
การมีก้อนบริเวณไต หรือบริเวณบั้นเอวทั้ง 2 ข้าง อาจเป็น โรคไตเป็นถุงน้ำ หรือเนื้องอกของไต
ปัสสาวะผิดปกติ เช่น
- ปัสสาวะมีเลือดปนออกมา เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรคไต แต่ก็ไม่สามารถยืนยันได้แน่นอน ต้องส่งตรวจ
- ปัสสาวะบ่อย ความถี่ในการปัสสาวะจะแตกต่างกันไปตามบุคคล ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำที่ดื่ม ปริมาณการขับน้ำเสียออกมาทางเหงือหรืออุจจาระ การตื่นขึ้นมาปัสสาวะตอนกลางคืนมากกว่าหนึ่งครั้ง หรือมากกว่าวันละ 3 ลิตร
- ปัสสาวะน้อย โดยทั่วๆไปเมื่อเราดื่มน้ำมากก็ย่อมปัสสาวะมาก แต่หากปัสสาวะน้อย อาจเกิดจากการทำงานผิดปกติของไต หรือ เกิดการอุดตันของท่อปัสสาวะ
- ปัสสาวะเป็นฟอง คล้ายฟองสบู่ เนื่องจากมีโปรตีนหรือไข่ขาว (Albumin) ปนมากับปัสสาวะ ส่วนมากเกิดจากหลอดเลือดฝอยของไตอักเสบ ทำให้ระดับโปรตีนในเลือดลดลง ปริมารโคลเลสเตอรอลและไขมันสูง
อย่างไรก็ตามอาการเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์เฉพาะทางอีกครั้ง เพื่อความชัดเจนและถูกต้อง เพราะอาการเหล่านี้มักเป็นอาการร่วมของโรคอื่นๆ ได้ เช่น โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ต่อมลูกหมากโต เป็นต้น การตรวจวินิจฉัยโรคไตสามารถทำได้ด้วย การตรวจเลือดหาค่าการทำงานของไต ตรวจปัสสาวะดูค่าโปรตีนและเม็ดเลือดแดงที่ปนมากับปัสสาวะ หรือ การอัลตร้าซาวด์ไตเพื่อดูขนาดของไตหรือความหนาแน่นของเนื้อไต ทางเดินปัสสาวะ หากไตถูกเสื่อม ถูกทำลายไปมากแล้วจำเป็นต้องตัดชิ้นเนื้อไตไปตรวจ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละบุคคลคะ รู้เร็ว รักษาทัน ไตแข็งแรง นะคะ