อาการโรคไตเป็นอย่างไร รู้จักสัญญาณบ่งบอกอาการโรคไต

25700

คนไม่เคยป่วย ไม่เคยเข้าโรงพยาบาล เป็นนักกีฬา หรือการที่ดูแลสุขภาพตนเองอย่างดีแล้วนั้น สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถรับประกันได้ว่าคุณจะไม่มีโอกาสเป็นโรคไต   โรคไตเมื่อเป็นระยะแรกเริ่มอาจไม่แสดงอาการใด จนเข้าสู่ภาวะไตวายเรื้อรัง ทางที่ดีเราควรมาทำความรู้จักกับโรคไต และรู้ถึงสัญญาณเตือนภัยว่าไตของท่านเริ่มผิดปกติแล้วดีกว่าคะ ว่าอาการโรคไตเป็นอย่างไร จะได้ไม่สายเกินไป

อาการโรคไต

โรคไต (ภาวะไตวาย) แบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด คือ ไตวายเฉียบพลัน (Acute kidney injury) หรือ AKI และ ไตวายเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease)

1. ไตวายเฉียบพลัน  คือภาวะที่เกิดขึ้นในเวลารวดเร็ว ส่วนใหญ่เกิดจากการที่เลือดไปเลี้ยงที่ไตน้อยลง เช่น มีอาการความดันโลหิตต่ำ,อยู่ในภาวะช็อกนานๆ หรือมีการเสียเลือดมากๆ แต่ภาวะไตวายเฉียบพลันสามารถรักษาให้ไตกลับมาทำงานปกติได้

2. ไตวายเรื้อรัง คือภาวะที่เนื้อไตถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง จนไตไม่สามารถกลับมาทำงานได้อย่างปกติ คือไม่สามารถรักษาให้หายได้  สามารถแบ่งระยะของโรคไตเรื้อรังได้ 5 ระยะ คือ

    • ระยะที่1 ไตเริ่มเสื่อม พบโปรตีนในปัสสาวะ ค่าGFR อยู่ที่ ≤ 90
    • ระยะที่ 2 ไตเสื่อม ค่าGFR อยู่ที่ 60-89
    • ระยะที่ 3 ไตเสื่อม ค่าGFR อยู่ที่ 30-59
    • ระยะที่ 4 ไตเสื่อม ค่าGFR อยู่ที่ 15-29
    • ระยะที่ 5 ไตวาย ค่าGFR น้อยกว่า 15

สัญญาณบ่งบอกอาการโรคไต

อาการตัวบวมทั้งตัว เกิดจากการมีน้ำและเกลือเพิ่มขึ้นในร่างกาย อาจจะเริ่มบวมที่หนังตาและหน้า โดยเฉพาะการบวมตอนเช้า ต่อมาที่ขาและเท้า อาการบวมหากสังเกตุไม่เห็นอาจลองใช้นิ้วกดที่หน้าแข้งสักพักแล้วปล่อยถ้ามีรอยบุ๋มอยู่แสดงว่าตัวบวม อาจเกิดได้ในโรคไตหลายชนิด เช่น โรคไตอักเสบชนิดเนฟโฟรติคซินโดรม (Nephrotic Syndrome)

เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ภาวะซีด เพราะไตไม่สามารถสร้างสารอีริโธรโปอีติน (Erythopoietin) ไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดแดงได้ เมื่อเกิดภาวะไตวายเรื้อรังจะไม่สามารถสร้างสารนี้ได้  ถ้าเป็นน้อยๆมักไม่แสดงอาการ ถ้าเป็นมากขึ้นจะรู้สึกเหนื่อยง่าย ซีด คันตามตัว เบื่ออาหาร ตามลำดับ

ปวดหลัง ปวดบั้นเอว ไตอยู่ด้านหลังด้านล่าง เมื่อไตผิดปกติจะมีอาการปวดหลัง ร้าวไปถึงท้องน้อย หัวหน่าว และอวัยวะเพศได้ หากเรากดหลังหรือทุบเบาๆแล้วมีอาการเจ็บ แสดงว่าเป็นโรคไตเรื้อรัง หรือไตอักเสบ ถ้ามีไข้ร่วมด้วยเป็นสัญญาณของกรวยไตอักเสบ

การปวดท้องอย่างรุนแรง (colicky pain) ร่วมกับปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะขุ่น หรือมีผลึก อาจเป็นนิ่วในไตและทางเดินปัสสาวะ

การมีก้อนบริเวณไต หรือบริเวณบั้นเอวทั้ง 2 ข้าง อาจเป็น โรคไตเป็นถุงน้ำ หรือเนื้องอกของไต

ปัสสาวะผิดปกติ เช่น

    • ปัสสาวะมีเลือดปนออกมา เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรคไต แต่ก็ไม่สามารถยืนยันได้แน่นอน ต้องส่งตรวจ
    • ปัสสาวะบ่อย ความถี่ในการปัสสาวะจะแตกต่างกันไปตามบุคคล ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำที่ดื่ม ปริมาณการขับน้ำเสียออกมาทางเหงือหรืออุจจาระ การตื่นขึ้นมาปัสสาวะตอนกลางคืนมากกว่าหนึ่งครั้ง หรือมากกว่าวันละ 3 ลิตร
    • ปัสสาวะน้อย โดยทั่วๆไปเมื่อเราดื่มน้ำมากก็ย่อมปัสสาวะมาก  แต่หากปัสสาวะน้อย อาจเกิดจากการทำงานผิดปกติของไต หรือ เกิดการอุดตันของท่อปัสสาวะ
    • ปัสสาวะเป็นฟอง คล้ายฟองสบู่ เนื่องจากมีโปรตีนหรือไข่ขาว (Albumin) ปนมากับปัสสาวะ ส่วนมากเกิดจากหลอดเลือดฝอยของไตอักเสบ ทำให้ระดับโปรตีนในเลือดลดลง ปริมารโคลเลสเตอรอลและไขมันสูง

อย่างไรก็ตามอาการเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์เฉพาะทางอีกครั้ง เพื่อความชัดเจนและถูกต้อง เพราะอาการเหล่านี้มักเป็นอาการร่วมของโรคอื่นๆ ได้ เช่น โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ต่อมลูกหมากโต เป็นต้น การตรวจวินิจฉัยโรคไตสามารถทำได้ด้วย การตรวจเลือดหาค่าการทำงานของไต ตรวจปัสสาวะดูค่าโปรตีนและเม็ดเลือดแดงที่ปนมากับปัสสาวะ หรือ การอัลตร้าซาวด์ไตเพื่อดูขนาดของไตหรือความหนาแน่นของเนื้อไต ทางเดินปัสสาวะ หากไตถูกเสื่อม ถูกทำลายไปมากแล้วจำเป็นต้องตัดชิ้นเนื้อไตไปตรวจ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละบุคคลคะ รู้เร็ว รักษาทัน ไตแข็งแรง นะคะ

Previous articleสายนาฬิกา แบบหนังแท้หรือแบบสแตนเลส เลือกยังไงให้เข้ากับสไตล์คุณ
Next articleวิธีการเลี้ยงแมว สำหรับคนรักเหมียว ทาสแมวต้องรู้