เชื่อว่าหลายๆคนคงเคยมีอาการ ปวดหัวข้างเดียว กันแล้ว ถ้ามีอาการปวดหัวพอน่ารำคาญก็ยังไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่บางครั้งก็ปวดหัวข้างเดียวชนิดรุนแรงเอาการคือ นอกจากจะมีอาการปวดหัวข้างเดียวแล้ว ยังมีอาการอื่นๆเสริมอีกด้วย เช่น มีไข้ คลื่นไส้อาเจียน แขนขาชา หรือตาพร่ามัว ฯลฯ นอกจากส่งผลกระทบทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจของคนที่ปวดหัวแล้ว ยังส่งผลกระทบถึงประสิทธิภาพในการทำงานตามมาด้วย เรามาดูกันว่า ปวดหัวข้างเดียวเกิดจากอะไร และจะหาทางป้องกันรักษาอาการปวดหัวข้างเดียวได้อย่างไรบ้าง
ปวดหัวข้างเดียวเกิดจากอะไร
ตามข้อมูลทางการแพทย์ได้กล่าวว่า อาการปวดต่างๆของร่างกายจะเกิดขึ้นเพราะมีการเปลี่ยนแปลงของระบบภายในร่างกายของตัวเราเอง ดังนั้นเมื่อมีอาการปวดหัวข้างเดียวอย่างรุนแรงและเฉียบพลัน จึงมักเป็นสัญญาณเตือนบางอย่างของความผิดปกติทางร่างกาย ซึ่งไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุของอาการปวดหัวข้างเดียว และทำการรักษาอย่างถูกต้อง
อาการปวดหัวข้างเดียว มักจะพบได้บ่อยๆ กับโรคปวดศีรษะ 4 ประเภทคือ
• โรคปวดหัวไมเกรน (Migraines) มักจะพบมากในผู้หญิงถึง 2 ต่อ 1 เลยทีเดียว โรคไมเกรนนี้จะมีอาการปวดหัวข้างใดข้างหนึ่ง ปวดแบบตุบๆคล้ายชีพจรกำลังเต้น และปวดเป็นพักๆ ประมาณ 1-3 ชั่วโมงก็จะทุเลาลง อาจปวดติดต่อกันทุกวัน หรือปวดหลายๆครั้งในหนึ่งอาทิตย์ สาเหตุของโรคไม่เกรน ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่ส่วนใหญ่มักมีปัจจัยมากระตุ้นให้เกิดการปวดหัวไมเกรน คือ
o ร่างกายอ่อนเพลีย จากการอดนอน นอนไม่เป็นเวลา
o สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น ร้อนเกินไป เย็นเกินไป ควันบุหรี่ มลพิษจากอากาศ ฯลฯ
o ฮอร์โมนเพศหญิง การมีประจำเดือน หรือการตั้งครรภ์ในระยะแรก
o อาหารบางชนิด เช่น เนย ถั่ว ช็อกโกแลต รวมถึงยาประเภทขยายหลอดเลือดด้วย
• โรคปวดหัวจากความเครียด (Tension headache) มักจะมีอาการปวดบีบที่ขมับข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้าง คล้ายมีแรงดันจากข้างใน หากเป็นมากๆอาจมีอาการปวดต้นคอ ไหล่ และหลังด้วยสาเหตุของโรคปวดหัวชนิดนี้ ร้อยละ 80-90% จะมาจากความเครียด ความวิตกกังวล ความกดดันบางอย่าง หรืออาจอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่เย็นจัดหรือร้อนเกินไป พบในผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก และพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
• โรคปวดหัวแบบคลัสเตอร์ (cluster headache) จะมีอาการปวดตุบๆที่กระบอกตา หรือบริเวณขมับ ส่วนใหญ่มักปวดหัวข้างเดียว และปวดหัวบ่อยๆวันละ 1-2 ครั้ง บางทีก็เป็นนานเป็นสัปดาห์ สาเหตุของโรคปวดหัวแบบคลัสเตอร์ จะเกิดจากการทำงานผิดปกติของต่อมไพเนียลและนิวเคลียสของเซลล์ประสาทสมอง ส่งผลให้ระบบฮอร์โมนและสื่อประสาทแปรปรวน ในบางรายอาจมีอาการ น้ำมูกไหล น้ำตาไหล เหงื่อออกบริเวณหน้าผาก เปลือกตาบวม หนังตาตก และม่านตาหด โรคปวดหัวแบบนี้มักจะพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงถึง 5-6 เท่า
• โรคปวดหัวจากแรงดันในสมองสูง (Increase Intracranial Pressure) จะมีอาการปวดหัวได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งปวดตุบๆ ปวดหนักๆ หรือปวดบีบๆ สาเหตุของโรคปวดหัวชนิดนี้ จะเกิดจากสิ่งผิดปกติภานในสมองทำให้เกิดความดันในสมองสูง เช่น เนื้องอกในสมอง เลือดออกในสมอง หรือมีน้ำคั่งในสมอง ฯลฯ ซึ่งต้องทำ MRI หรือ CT Scan เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง
วิธีบรรเทาอาการปวดหัวข้างเดียว ภายใน 5 นาที
ฟังไม่ผิดหรอกครับ นี่เป็นวิธีการที่น่าทึ่ง แต่ก็ได้ผลดีจริงๆ เป็นวิธีการของแพทย์แผนโบราณอินเดีย โดยมีวิธีทำง่ายๆ ดังนี้
• เมื่อมีอาการปวดหัวข้างเดียว (หรือปวดหัวสองข้าง) ให้เอานิ้วมืออุดรูจมูกด้านขวาไว้ แล้วสูดลมหายใจช้าๆเข้าทางรูจมูกด้านซ้ายเพียงข้างเดียว หายใจไปเรื่อยๆ ประมาณ 5 นาที จะพบว่าอาการปวดหัวจะเริ่มบรรเทาลง วิธีการนี้จะใช้ได้ดีกับการปวดหัวไมเกรน หรือการปวดหัวจากความเครียด แต่หากมีอาการปวดหัวรุนแรง หรือปวดหัวเพราะมีความผิดปกติบางอย่างในสมอง ก็ควรรีบไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาสาเหตุและทำการรักษาให้ถูกต้อง การป้องกันอาการปวดหัวข้างเดียว เนื่องจากอาการปวดหัวข้างเดียวอาจมาจากหลายสาเหตุ ดังนั้นการป้องกันการปวดหัวข้างเดียวที่ดีที่สุด คือ การหลีกเลี่ยงสิ่งกระทบที่เป็นปัจจัยในการกระตุ้นในเกิดอาการปวดหัวข้างเดียว และควรพักผ่อนให้เต็มที่ ผ่อนคลาดความตึงเครียด ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และงดดื่มแอลกอฮอล์ ก็จะช่วยให้ห่างไกลจากโรคปวดหัวข้างเดียวได้มากทีเดียว
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการรปวดหัวข้างเดียว
รู้จักโรคปวดหัวข้างเดียว : โรคปวดหัว.com
อาการปวดหัว 14 ชนิด : health.kapook.com
อาการปวดศีรษะข้างเดียว : haamor.com