น้ำมันมะกอก ในสมัยโบราณจะใช้วิธีบีบด้วยมือ โดยใส่มะกอกไว้ในอ่างหินทรงกลมหรือทรงกรวย ต่อมาเพื่อให้ได้น้ำมันในปริมากที่มากขึ้นจึงหันมาใช้โม่หินบดแทน และพัฒนาระบบฉุดกำลังด้วยกำลังไฮดรอลิก เครื่องกลไฟ เครื่องยนต์เบนซิน และปัจจุบันใช้พลังงานไฟฟ้า เมื่อมะกอกสดถูกส่งมายังโรงงานก็จะถูกคัดแยกระหว่างมะกอกที่เก็บจากต้นกับมะกอกที่เก็บจากพื้น แล้วนำมาล้างทำความสะอาดโดยไม่ต้องเอาเมล็ดด้านในออก แล้วจึงเริ่มทำการบดมะกอกให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน ซึ่งในขั้นตอนนี้จะต้องมีการควบคุมอุณหภูมิอย่างเคร่งคัดเพื่อไม่ให้สารระเหยในน้ำมันเสียไป และยังเป็นการป้องกันการเกิดออกซิเดชั่น เข้าสู่กระบวนการแยกเนื้อแยกน้ำมันลงสู่ภาชนะรองรับ
การผลิตน้ำมันมะกอกที่ได้คุณภาพสูง จำเป็นต้องอาศัยคุณภาพของมะกอกที่ปลูกด้วย ยิ่งผลแก่มากยิ่งให้ปริมารน้ำมันมาก และหลังจากเก็บแล้วควรนำเข้าสู่กระบวนการผลิตทันทีเพื่อคงไว้ซึ่งกลิ่นและรสที่ดีของน้ำมันมะกอก
ปัจจุบันเราสามารถพบเห็นน้ำมันมะกอกอยู่เต็มชั้นว่างสินค้า มีให้เลือกหลายประเภท แล้วเราจะเลือกแบบไหนมาบริโภคดี เป็นคำถามของผู้ที่เพิ่งเริ่มหันมาบริโภคน้ำมันมะกอก
เราสามารถแบ่ง น้ำมันมะกอก 5 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1. EXTRA VIRGIN หรือน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ 100 % สิ่งที่สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนคือ “สี” น้ำมันมะกอกชนิดนี้จะมีสีเหลือง-เขียว เข้ม เป็นน้ำมันมะกอกที่ผ่านกระบวนบีบครั้งที่ 1 มีความเข้มข้นสูง น้ำมันมะกอกชนิดนี้จะคงไว้ซึ่ง สี รส และกลิ่นของมะกอกแท้จริง จึงมีราคาสูงและอาจจะรับประทานยากเกินไปสำหรับผู้ที่เริ่มทานน้ำมันมะกอก น้ำมันมะกอกแบบบริสุทธิ์นี้ เหมาะที่จะนำมาทำเป็นน้ำสลัด หรือซอสพาสต้า และที่สำคัญไม่ควรนำไปผ่านความร้อนโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้เสียคุณค่าทางอาหารและไขมันที่ดีจะเปลี่ยนเป็นไขมันเลวแทนคะ
2. VIRGIN หรือ น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ ที่มีคุณภาพรองจาก น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิน และราคาก็ถูกตามลงมาด้วย วิธีการใช้ก็ไม่เหมาะกับการนำไปผัด ทอด หรือผ่านกระบวนการความร้อนต่างๆ
3. REFINED OLIVE OIL, LIGHT OLIVE OIL, EXTRA LIGHT OLIVE OIL หรือ น้ำมันมะกอกแบบผ่านกรรมวิธี ยังคงคุณค่าทางสารอาหารครบเหมือนน้ำมันกอกบริสุทธิ์แต่มีในปริมาณที่น้อยกว่า การสกัดที่กรรมวิธีนั้นจะทำให้สีของน้ำมันมะกอกอ่อนลง รวมทั้งกลิ่นและรสชาตก็อ่อนลงตาม ราคาค่อนข้างถูก น้ำมันชนิดนี้เหมาะสำหรับน้ำมาปรุงอาหารได้อย่างดี โดยเฉพาะการทอด เพราะสามารถทนความร้อนได้สูง ไม่เหมาะจะนำไปรับประทานสดๆ คะ
4. OILVE OIL, PURE OLIVE OIL หรือ น้ำมันมะกอกแบบผสม เป็นการผสมผสานระหว่างน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นกับน้ำมันมะกอกที่ผ่านกรรมวิธีคุณค่าทางสารอาหารเข้าไป ทำให้น้ำมันมะกอกชนิดนี้มีคุณค่าใกล้เคียงกับน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้น สามารถนำไปประกอบอาหารที่ต้องใช้ความร้อนได้ เช่น ผัด แต่ไม่เหมาะสำหรับการทอดอาหารนาน จะทำให้คุณค่าเสียไป
5. OILVE POMANCE OIL หรือ น้ำมันกากมะกอก เป็นน้ำมันมะกอกดคุณภาพต่ำเพราะเป็นการสกัดน้ำมันจากกากของมะกอกอีกทีหนึ่ง แล้วจึงนำไปผ่านกรรมวิธีทางเคมี น้ำมันมะกอกแบบนี้เหมาะสำหรับการทอดที่ต้องใช้เวลานาน เช่น เนื้อสเต็กไม่ควรนำมารับประทานสดๆ
ไขมันในน้ำมันมะกอกเป็นไขมันชนิดไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน คือ กรดไขมัน เอชดีแอล (HDL) อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 วิตามินอีที่ช่วยบำรุงผิวพรรณและไม่มีคอลเรสเตอรอล ที่เป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคความดันโลหินสูง เส้นเลือดหัวใจตีบตัน ลังช่วยลดปริมาณไขมันชนิดไม่ดีในร่างกายได้ ยิ่งกว่านั้นน้ำมันมะกอกยังช่วยในเรื่องของกระดูกด้วยนะคะ เพราะช่วยส่งเสริมการดูดซึมแร่ธาตุและแคลเซียมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ลดการเกิดโรคกระดูกพรุน และทำให้กระดูกแข็งแรงขึ้น
ลองหันมารับประทานน้ำมันมะกอกกันดูบ้างก็ดีนะคะ
ข้อมูลอ้างอิง
น้ำมันมะกอก เคล็บลับต้านความชรา: bangkokbiznews.com
น้ำมันมะกอกชนิดไหนใช้ทอด ผัด หรือทานกับสลัด?: sanook.com
การสกัดน้ำมันมะกอกโอลีฟ: rspg.or.th