แม้ Super Bowl Halftime Show ที่เพิ่งผ่านไปอาจไม่ได้มีโปรดักชั่นยิ่งใหญ่เหมือนหลายปี แต่ยังประสบความสำเร็จอย่างสูง ขณะที่ 2 ศิลปินฮิปฮอปตัวพ่อมั่นใจว่าจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยยะสำคัญต่อแนวดนตรีของพวกเขา
Super Bowl เป็นการแข่งขันชิงแชมป์อเมริกันฟุตบอล NFL เป็นหนึ่งในแมตช์ที่มีคนทั่วโลกเฝ้าชม แม้ไม่สนเกมคนชนคนบนสนามแต่คนมากมายเฝ้ารอดูช่วงพักครึ่งเวลาที่มีการแสดงที่รู้จักในชื่อ Super Bowl Halftime Show ที่แต่ละปีจะมีศิลปินนักร้องนักดนตรีระดับโลกมามอบความบันเทิง
สำหรับปีนี้เป็นการรวบรวมศิลปินแนวฮิปฮอประดับซุปเปอร์สตาร์มาไว้บนเวทีเดียกันนำโดย Dr. Dre พร้อมด้วย Dr. Dre, Snoop Dogg, Mary J. Blige, Eminem และ Kendrick Lamar
แม้โปรดักชั่นไม่หวือหวาตระการตา เวทีเป็นเพียงรถพ่วงสีขาวมาต่อกัน มีแพลตฟอร์มไฮโดรลิกขึ้นลง และด้านบนรถทำเป็นแผงควบคุมดนตรี แต่ตัวศิลปินต่างปล่อยพลังออกมาทะลุปรอท มอบเพลงฮิตมากำนัลแก่แฟน ๆ แบบไม่ตกหล่น โชว์เปิดด้วย Dr. Dre และ Snoop Dogg ด้วยบทเพลงสุดคลาสสิก The Next Episode ตามด้วย California Love แม้แฟน ๆ อาจเสียดายที่ไม่มีเซอร์ไพรส์เป็นโฮโลแกรมของ 2Pac ผู้ล่วงลับ ขณะที่ Eminem ก็ร้องเพลง Lose Yourself ตามคาด
Snoop Dogg เปิดใจถึงการแสดงครั้งนี้ว่า มันเหมือนฝันที่เป็นจริงที่เห็นการรวมตัวของศิลปินตัวจริงแห่งวงการฮิปฮอป และยังเป็นโชว์ล้วน ๆ ของฮิปฮอป ซึ่งยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ Super Bowl Halftime Show
“ ผมไม่อยากเชื่อเลยที่ NFL จะให้บรรดาฮิปฮอปแสดงพร้อมกันบนเวที Super Bowl พวกเราต่างเฝ้ารอโมเมนต์นี้มายาวนาน พวกเราตั้งตารอที่จะทำสิ่งที่ถนัด มอบบางสิ่งที่พิเศษสุด และบันทึกมันไว้บนหน้าประวัติศาสตร์ ”
ขณะที่ Dr. Dre แสดงความเห็นต่อเรื่องนี้ว่า
“ นี่เป็นเสมือนการเปิดประตูให้กับศิลปินฮิปฮอปคนอื่น ๆ ในอนาคต สิ่งนี้ควรเกิดขึ้นมานานแล้ว ผมมั่นใจว่าพวกเราทำการแสดงได้ยอดเยี่ยมมาก มันยิ่งใหญ่จนพวกเขา (NFL) ไม่สามารถปฏิเสธพวกเราได้อีกแล้วในอนาคต ”