หลังจากที่มีข่าวถึงการเลื่อนฉายภาพยนตร์แฟรนไชส์ สายลับ 007 อย่าง No Time to Die ออกไปในปี 2021 ทั้งที่กำหนดการล่าสุดจะต้องมีการฉายภาพยนต์เรื่องนี้ในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2020 แต่เนื่องจากสภาวะโรคระบาดของไวรัส โคโรนา 2019 ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับผลกระทบตามไปด้วยเช่นกัน
มีรายงานล่าสุดว่า บางทีหากสภาวะโรคระบาดยังคงไม่นิ่ง ก็มีความเป็นไปได้ว่า No Time to Die อาจจะจำเป็นต้องฉายในสตรีมมิง อย่าง Apple และ Netflix โดยเน้นไปที่การชมภาพยนตร์ทางออนไลน์ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า มูลค่าในครั้งนี้จะสูงมากถึง 600 ล้านเหรียญ (หรือ 1,900 ล้านบาท)
จากกำหนดการในครั้งแรก ที่ภาพยนตร์สายลับ เจมส์ บอนด์ ตอนล่าสุด จะต้องฉายในเดือนเมษายน 2020 แต่หลังจากนั้น ก็ต้องเลื่อนฉายออกไปช่วงไตรมาส 3 ของปี 2020 ก่อนยาวข้ามปีไปปี 2021 ซึ่งจากการเลื่อนฉายหลายครั้งทำให้สตูดิโออย่าง MGM ต้องสูญเสียรายได้มากถึง 50 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือ 150 ล้านบาท)
แต่จากกลยุทธ์ของบริษัทใหญ่อย่าง Paramount และ Sony ที่ได้กำไรหลายสิบล้านจากการฉายภาพยนตร์ในรูปแบบออนไลน์ เช่น Greyhound, Coming 2 America และ Without Remorse นั้น จะทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่ MGM อาจจะต้องตั้งราคาขายของหนัง 007 ภาคนี้ไว้ที่ 600 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือ 1,900 ล้านบาท) สำหรับระบบฉายออนไลน์ ซึ่งถือเป็นประวัติศาสตร์ในวงการภาพยนตร์ออนไลน์ในครั้งนี้
แต่ทว่าล่าสุด โฆษกของ MGM ได้ออกมาปฏิเสธเรื่องนี้เป็นที่เรียบร้อย และบอกว่า มันเป็นแค่ข่าวลือเท่านั้น และขอยืนยันว่า หนังจะยังคงฉายโรงภาพยนตร์ช่วงเดือนเมษายน 2021 อย่างแน่นอน
ทั้งนี้หลาย ๆ ฝ่ายต่างชื่อกันว่า การออกมาประกาศในครั้งนี้ของโฆษกค่าย MGM อาจจะเป็นการบอกปัดไปก่อนเพื่อไม่ให้ผิดใจกับโรงหนังต่าง ๆ แต่ก็เป็นไปได้ที่พวกเขาอาจจะรอดูท่าทีอีกครั้งในปีหน้า
